วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Analysis IIII – SETTING & TRANSPORTATION

การขนย้าย RED BEE

1. ขนย้ายกุ้งยังไงให้ปลอดภัยที่สุด
เวลาเพื่อนๆไปซื้อของที่จตุจักร แน่นอนว่าต้องหอบหิ้วของกันพะรุงพะรังแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าไปวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว คนยิ่งมากไปอีกหลายเท่า หิ้วน้องกุ้งฝ่าฝูงชนนับร้อยในวันเสาร์ อาทิตย์ที่จตุจักรดูจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถในการหลบหลีกสูงทีเดียว ทำไมไม่ลองไปวันธรรมดาดูครับ ที่จตุจักรพล่าซ่าร้านค้าจะเปิดทุกๆวันครับ (ร้านบางร้านอาจปิดวันจันทร์) สำหรับวันพฤหัสอาจหาที่จอดรถยากสักนิดและมีคนมากเพราะเป็นวันที่มีตลาดนัดต้นไม้ด้วย วันจันทร์ อังดาร หรือพุธ ก็น่าจะเข้าท่าทีเดียวที่เราจะมีเวลาเดินดูปลาสวยๆ และไม่ต้องเหงื่อไหล ฝ่าฝูงชน (ผมนอกเรื่องไปไกลแล้วครับ) เวลาซื้อกุ้งควรจะซื้อเป็นรายการสุดท้ายครับ เพื่อไม่ให้อุณหถูมิภายนอกเปลี่ยนแปลงมากเกินไป (อาจหาถุงเล็กๆใส่น้ำแข็ง เล็กน้อย แนบไปกับถุงกุ้งด้วย หากต้องเดินทางนาน หรือรถติด) จำนวนกุ้ง 1 ถุง ไม่ควรเกิน 10 ตัว เพื่อลดกรณีของเสียจากกุ้งอาจที่อาจทำให้พวกมันตายได้และควรใส่มอสหรือไม้น้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อลดการกระทบกระทั่งและให้กุ้งได้เกาะพักครับ ถ้าเราจะไปซื้อของอย่างอื่น อาจฝากที่ร้านเอาถุงกุ้งลอยน้ำในตู้ของมันไปก่อนก็ได้ครับ (แต่อย่านานมากนะครับ) พอถึงบ้านแล้วให้มุ่งตรงเอาถุงกุ้งไปลอยน้ำในตู้ไว้ก่อนเลยครับ ทิ้งไว้ประมาณ 30นาที - 1ชม (อย่าทิ้งไว้เกินกว่านี้นะครับ เพราะผมเคยเจอกรณีแบบนี้มาแล้ว กุ้งตายเกือบหมดถุงเลยครับ) จากนั้นอย่าเพิ่งเทกุ้งลงไปนะครับ อ่านวิธีการปล่อยกุ้งกันก่อนครับ

2. ปล่อยกุ้งเรดบียังไงให้ถูกวิธี ค่าความต่างของน้ำในถุงกุ้งกับน้ำในตู้ที่เราเตรียมไว้มีความแตกต่างกัน ปกติการปล่อยปลาหรือกุ้งที่ถูกวิธี เราจะตักน้ำในตู้ของเราใส่ถุงและแช่ทิ้งไว้อีก 15 นาที (หลังจากแช่ไว้ก่อนแล้ว 30 นาที) เพื่อให้ปลาปรับสภาพกับค่าของน้ำที่แตกต่าง แต่สำหรับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกกุ้ง เช่นกุ้งเรดบี, กุ้งทะเลบางชนิด เช่นกุ้งพยาบาล, หรือปลาทะเลบางชนิด เช่น Pink firefish, Purple firefish ซึ่งมีความเปราะบางและไวต่อสภาพน้ำที่มีความแตกต่าง การย้ายสถานที่และการปล่อยพวกมันลงตู้จึงต้องมีเคล็ดลับ (ที่ไม่ลับ) สำหรับการปรับสภาพน้ำที่แสนยากของพวกมัน เรามาทำกาลักน้ำขนาดจิ๋วกันครับ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมคือ สายออกซิเจน วาล์วควบคุมแรงดันออกซิเจนแบบก๊อก จุ๊บยางเพื่อยึดสายออกซิเจนและภาชนะสำหรับวางถุงกุ้ง (เช่น กะละมังทรงลึกซักนิดครับ) ต่ออุปกรณ์ทั้งหมดตามรูปเลยครับ และค่อยๆปล่อยน้ำให้จากตู้ให้หยดลงมาในถุงกุ้ง 1 หยดต่อ 2 วินาที ค่อยๆปล่อยให้น้ำหยดลงมาโดยใช้ก๊อกปรับระดับเป็นตัวช่วยครับ ทิ้งไว้อีกประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนน้ำเกือบเต็ม แล้วจึงปล่อยกุ้งลงไปได้เลยครับ สำหรับเพื่อนๆที่จะย้ายกุ้งเรดบีจากตู้เก่าไปอยู่ตู้ใหม่ สามารถใช้วิธีนี้ได้เลยครับ ลองนำไปใช้ดูนะครับ

3. เปลี่ยนน้ำเมื่อไหร่ดี
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนเปลี่ยนน้ำตู้เรดบีแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนๆต้องทำให้เป็นนิสัยเลย หากตู้ของเพื่อนๆอยู่ในช่วงเซ็ทตู้ใหม่ ในช่วงเดือน หรือสองเดือนแรกคงต้องขยันเปลี่ยนน้ำซักนิดนึงครับ 4 – 5 วันต่อครั้งน้ำที่ใช้เปลี่ยนสามารถใช้นำประปาเปลี่ยนได้ครับ แต่ต้องทิ้งไว้ 1 คืนให้คลอรีนระเหยออกก่อน เรื่องอุณหภูมิหากเปลี่ยนจำนวนไม่มาก 15 – 20 % ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นกับกุ้งเรดบีครับ อุณภูมิจะเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 2 c’ แต่ถ้าเปลี่ยนในปริมาณมาก เช่น 50% หรือในกรณีล้างเครื่องกรอง ควรนำน้ำที่พักให้คลอรีนละเหยมาวางไว้ในห้องแอร์ เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องอุณหภูมิก็หมดไปแล้วครับ เพื่อนๆบางคนที่มีแท็งก์กักน้ำไว้ สามารถใช้เติมได้ทันทีครับ (ซึ่งผมใช้วิธีนี้อยู่) แต่ควรเปลี่ยนในช่วงเช้า หรือช่วงค่ำที่อุณภูมิน้ำในแท็งก์เย็นลงแล้ว

4. เคล็ดลับในการเซทตู้ใหม่
ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเซ็ทตู้ให้มีระบบของแบคทีเรียและวัฎจักรต่างๆสมบูรณ์ การเสริมด้วยแบคทีเรียสำหรับเซ็ทตู้ เช่น B4, Green Bacter เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับตู้ที่มีกุ้งเรดบีอยู่แล้ว แต่สำหรับตู้ที่เพิ่งเซ็ทใหม่ยังไม่ได้ลงกุ้ง ผมแนะนำให้ใช้เคล็ดลับของการเซ็ทตู้ทะเลครับ โดยการใส่ซากปลาที่ตายแล้วหรือเนื้อกุ้งเล็กน้อย ใส่ลงไปในตู้ให้เกิดการเน่าเปื่อย เพื่อเป็นการเร่งระบบของแบคทีเรียให้เร็วยิ่งขึ้น ควรเปลี่ยนน้ำอาทิตย์ละครั้ง เซ็ททิ้งไว้เป็นเวลา 2 - 3 อาทิตย์เท่านี้ก็ทำให้อุ่นใจขึ้นว่า ระบบแบคทีเรียในตู้ของคุณพร้อมแล้วสำหรับสมาชิกเรดบีตัวใหม่ ในระยะการเซ็ทตู้ดังกล่าว ควรปลูกไม้น้ำลงไปด้วย เช่นไม้ข้อโตเร็ว ( stem plant) เพราะไม้น้ำพวกนี้จะช่วยดูดซับสารอาหารส่วนเกินในช่วงแรก ทั้งยังช่วยเติมเต็มวัฎจักรของไนไตร ไนเตรทอีกด้วย ไม้น้ำ (Stem plant) ที่ปลูกง่ายได้แก่ โรท่าร่าเขียว, ขาไก่ด่าง, สาหร่ายเด่นซ่า, โคบัมบาเขียว, เพิร์ดวีดธรรมดา etc (ไม้น้ำที่นิยมเลี้ยงกับเรดบีมีบทความใน Analysis IV ครับ update เร็วๆนี้)

5. ล้างกรองและฟองน้ำเมื่อไหร่ดี
ชั้นกรอง, ไส้กรอง, ฟองน้ำใยแก้วในชั้นกรองและฟองน้ำกั้นท่อน้ำออก เมื่อผ่านการกรองเป็นเวลานานจะมีเศษฝุ่นและของเสียติดอยู่จำนวนมาก ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง เราจึงควรถอดล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนใยแก้วใหม่ ช่วงเวลาในการถอดล้างเครื่องกรองนั้น ควรทำทุกๆ 3 – 6 เดือนตามจำนวนกุ้งที่มีอยู่มากหรือน้อยและขนาดของเครื่องกรองกับขนาดของตู้ เวลาล้างเครื่องกรอง “ห้ามใช้นำประปาล้างเด็ดขาด” เพราะจะทำให้แบคทีเรียตายและเราต้องเริ่มเซ็ทระบบใหม่ทั้งหมด ควรใช้น้ำเก่าในตู้ล้างโดยทำกาลักน้ำต่อสายยางไปบริเวณห้องน้ำหรือหลังบ้านที่มีพื้นที่ระบายน้ำ ฉีดน้ำทำความสะอาดคราบและเศษผงจากกระบะกรองออก (ไม่ต้องเทออกมาล้างครับ) จากนั้นเปลี่ยนใยแก้วใหม่และเติมน้ำในเครื่องกรอง ปิดฝาให้เรียบร้อยและทำการเดินเครื่องเหมือนเดิมครับ ส่วนฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้าควรล้างอาทิตย์ละครั้ง เวลาล้างเราจะเห็นความสกปรกออกมาอย่างชัดเจน บีบล้างจนน้ำใสเหมือนเดิม หรือถ้านำใยแก้วมาพันไว้ควรเปลี่ยนใหม่ครับ

6. REDBEE with Co2 – O2
พืชทุกชนิดต้องการ Co2 ในการสังเคราะห์แสง ในตู้ไม้น้ำจึงต้องมีระบบ Co2 เพื่อเสริมให้ไม้น้ำมีความสวยงามขึ้นด้วย แต่ถ้าเราเลี้ยงเรดบีในตู้ไม้น้ำด้วยหละครับ? จริงอยู่ที่เรดบีชอบค่า Ph ที่ 6.5 และการเติม Co2 สามารถลด Ph ได้เหมือนกดรีโมทสั่ง แต่เรดบีต้องการน้ำที่มีออกซิเจนสูงไม่ใช่หรอ? อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆหลายท่านคงดีใจที่จะได้ใส่ Co2 ให้ไม้น้ำของเราได้สวยกันแล้ว แต่ในความเป็นจริง กุ้งกับ Co2 ไม่ถูกถูกกันครับ ผมเคยทดลองเติม Co2 ลงในตู้เรดบีขนาด 24” 1 ฟอง ต่อ 2 วินาที ลด phได้ถึง6.5 ทดลองเป็นเวลา 2 เดือน ใช้หัวจ่ายแบบเซรามิก ผลที่ได้ทำให้เฟิร์นโบบิวทิสและเฟิร์นใบแคบ แตกใบใหม่และสวยงามต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่ได้ใส่ นอกจากนี้ยังไม่มีผลต่อพ่อแม่พันธุ์เรดบี แต่ในช่วงเวลา 2 เดือนนี้ผมไม่เห็นลูกของพวกมันเลยแม้แต่ตัวเดียว เพื่อความแน่ใจจึงทดลองปล่อยลูกกุ้งเรดบีอายุ 1 อาทิตย์ลงไปเพียงสองวันเท่านั้นลูกกุ้งตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมจึงสรุปว่า Co2 ถึงแม้จะเติมลงไปในปริมาณเล็กน้อยซึ่งไม่มีผลต่อพ่อแม่พันธุ์กุ้งแต่สำหรับลูกกุ้ง Co2 คือฆาตกรตัวจริงครับ แล้วที่ว่าเรดบีต้องการน้ำที่มีออกซิเจนสูงหละครับ? เราจะเปิดแอร์ปั๊มใส่หัวทรายลงไปเลยได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ได้ครับ จากการทดลองวัดค่าความต่างของน้ำในตู้เรดบี ก่อนและหลังเติมออกซิเจน พบว่าก่อนเติมค่า ph อยู่ที่ 6.9 และเมื่อเปิดแอร์ปั๊มทิ้งไว้ 1 คืน วัดค่า ph ผลที่ได้คือ ph ที่ 7.9 ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งสำหรับ ph ในระดับนี้ แล้วเราจะทำอย่างไรดีสำหรับกุ้งแสนรักของเรา อ่านถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วครับ เพราะน้ำที่ไหลผ่านเครื่องกรอง ผ่านใบพัดจะช่วยสร้างออกซิเจนให้เพียงพอเอง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มออกซิเจนลงไปอีก แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มออกซิเจนจริงๆ (ในกรณีที่กุ้งมีจำนวนมาก) ผมแนะนำให้เปิดออกซิเจนร่วมกับเรซิ่นครับ หรือว่าปรับท่อน้ำไหลออกให้สูงขึ้นอีกนิด ให้น้ำตกกระทบกับผิวน้ำจะเกิดออกซิเจนเอง ทั้งสองวิธีนี้ควรใช้คู่กับเรซิ่น เรซิ่นมีลักษณะคล้ายทราย เป็นเม็ดใสๆ บรรจุอยู่ในถุงผ้าหรือถุงตาข่าย ถุงตาข่ายที่มากับเรซิ่น อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกักเก็บเรซิ่น จะพบเรซิ่นหลุดออกมาจากถุงตาข่าย เราจึงควรเพิ่มถุงจากผ้าขาวบางอีกชั้น จะนำไปแช่ในตู้เลยหรือเพื่อความสวยงามอาจน้ำไปใส่ไว้ในเครื่องกรองชั้นบนสุดก็ได้ครับ เรซิ่นมีจำหน่ายที่ AZOO shop 1 ถุง ใช้ได้กับตู้ 24”ครับ

7. ท่อน้ำออก สิ่งอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
เพื่อนๆคงสงสัยกับหัวข้อนี้หากไม่ได้เจอกับปัญหาด้วยตัวเอง ท่อน้ำออกแบบที่เป็นแท่งแล้วมีรูหลายๆรูเหมือนขลุ่ย (ไม่รู้จะอธิบายลักษณะยังไง ขอใช้คำว่าขลุ่ยนะครับ) นี่แหละครับ อันตรายมากๆ ในกรณีที่ไฟดับหรือเราปิดเครื่องกรองเพื่อเปลี่ยนน้ำ กุ้งอันแสนซนของเราอาจมุดเข้าไปเล่นได้ (เห็นรูเล็กๆ แต่มันมุดเข้าไปได้จริงๆครับ) พอเราเดินเครื่องกรอง แรงน้ำจะพัดกุ้งออกมา หรือไม่ก็ติดอยู่ในนั้น ไม่อยากจะคิดครับว่าสภาพกุ้งจะเป็นยังไง แต่มันตายสถานเดียวแน่นอน เพราะฉนั้นหากท่านที่ใช้เครื่องกรองแบบนี้ เลื่อนท่อน้ำเข้าให้อยู่ใกล้ผิวน้ำมากที่สุดครับ เพื่อกันไม่ให้เจ้ากุ้งแสนซนมุดเข้าไปเล่นได้อีก

8. แขกที่ไม่ได้รับเชิญ พานาเรียและหอยตัวรำคาญ
ถ้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองชนิดนี้มาเยี่ยมเยือนตู้ของเพื่อนๆ นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ให้หายสนิทได้ยากจริงๆครับ เพราะฉนั้นควรมีการป้องกันที่ดี เริ่มที่เรื่องของหอยตัวรำคาญกันก่อนเลย หอยเจดีย์ที่อยู่ในพื้นปลูกและหอยสีดำน้ำตาล พวกมันสามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก อีกทั้งหากมีจำนวนมากยังทำให้รำคาญสายตาและที่สำคัญพวกมันจะแย่งกินอาหารของกุ้งสุดที่รักของเราครับ โดยเฉพาะในสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบในตู้กุ้งเรดบีแล้ว จำนวนของพวกมันยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไร สาเหตุหลักของหอยพวกนี้มาจากไข่ของพวกมันที่ติดตามไม้น้ำ ไข่จะมีลักษณะเป็นถุงวุ้นใสๆ จะติดตามรากหรือใบของไม้น้ำ ดังนั้นก่อนจะนำไม้น้ำมาปลูกในตู้เรดบี จึงควรล้างและตรวจดูให้ดีก่อน บางครั้งมีหอยเล็ดลอดเข้ามาในตู้ของเราได้ วิธีกำจัดคือหยิบออกเพียวอย่างเดียว หรืออาจจะใช้สายยางดูดออกตอนที่พวกมันมารุมแย่งกินอาหารกุ้งก็ได้ครับ วิธีที่ห้ามใช้อย่างเด็ดขาดคือ การใช้ยาฆ่าหอย (Snail rid) กุ้งเรดบี ไม่ถูกกับสารเคมีทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่งสเปรย์ปรับอากาศหรือสเปร์ดับกลิ่นรองเท้าก็ไม่ควรใช้ใกล้ๆตู้เรดบี ข้อห้ามอีกอย่างนึงคือการใส่ปั๊กเป้ากินหอย (Yellow Puffer) นอกจากมันจะกินหอยได้เป็นอย่างดีในตู้ไม้น้ำแล้ว เนื้อกุ้ง กุ้งแคระหรือกุ้งเรดบียังเป็นอาหารโปรดของมันอีกรายการนึง ส่วนพานาเรียจะมีลักษณะคล้ายปลิงใส ตัวเล็กๆ นอกจากจะทำให้รำคาญสายตาแล้ว ยังแย่งกินอาหารกุ้งและบางครั้งเมื่ออาหารไม่เพียงพอพบว่ากันจะเกาะกินตามตัวกุ้งอีกด้วย (ฟังแล้วสยองแต่ผมเห็นมากับตาครับ) ตามตำรากล่าวว่า พวกมันจะมาเยือนเมื่อคุณภาพน้ำในตู้ของเพื่อนๆเริ่มเสีย บางครั้งคุณภาพน้ำดีเยี่ยม (เช่นในตู้เรดบี) แต่มีเศษอาหารหมักหมมและค้างอยู่ตามซอกที่เข้าถึงยากรวมถึงบางครั้งการไม่ดูดเศษอาหารทิ้ง ปล่อยไว้ข้ามคืนหรือจนอาหารสลายตัว เศษอาหารจะตกลงไปในช่องว่างระหว่างเม็ดดินทำให้เกิดพานาเรียขึ้นได้ วิธีแก้ไขคือ มีถ้วยอาหารให้กุ้งและดูดเศษอาหารทิ้งภายใน 4 – 6 ชม คับ ดูดลงไปในชั้นดินด้วย (ใช้สายยางทีมีขนาดใหญ่กว่าสายออกซิเจนเล็กน้อยจะสะดวกกว่าและไม่ดูดเม็ดดินหรือลูกกุ้งลงไปด้วย)วิธีกำจัดพานาเรีย สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ เปลี่ยนน้ำทุกๆวัน วันละ 10 – 20 % ควบคู่กับการดูดเศษอาหารทิ้งและดูดตัวพานาเรียที่ติดตามกระจกทิ้ง พานาเรียจะหมดไปภายใน 1 อาทิตย์ หากยังมีพานาเรียอยู่เป็นจำนวนมาก ควรล้างฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้า และล้างเครื่องกรอง เพราะประสิทธิภาพในการกรองอาจลดลงจากสิ่งปฎิกูลที่สะสมไว้ (การล้างกรองควรทำตามข้อ 5ครับ) หรืออีกวิธีหากมีพานาเรียจำนวนมากจริงๆ ให้ปล่อยปลาเตตร้าที่จับง่ายลงไป 1-2 ตัว ผมแนะนำ ปลาคาดินัล หรือ ปลาซิวขนาดเล็ก (Microrasbora) เช่น ซิวหนู เพราะปลาพวกนี้มีขนาดเล็กและจับออกง่าย เมื่อพวกมันกินพานาเรียหมด เวลาตักออกจะได้ไม่รบกวนตู้ที่เราจัดไว้และไม่กวนให้น้ำขุ่นครับ

9.ชั้นดำ (จะเซ็ทตู้ใหม่ต้องอ่านตรงนี้)
ตู้กุ้งเรดบีส่วนใหญ่จะต้องใช้ดินปูพื้นตู้อยู่แล้ว สำหรับเพื่อนๆที่โรยดินเพียงเล็กน้อยก็หมดปัญหาเรื่องชั้นดำไปครับ แต่เพื่อนๆที่ต้องการปลูกไม้น้ำในตู้กุ้งเรดบีด้วย จำเป็นต้องปูชั้นดินหนาอย่างน้อย 2 - 3 นิ้ว ดังนั้นปัญหาชั้นดินจึงเกิดขึ้นได้ ชั้นดินเกิดจากเศษอาหาร เศษฝุ่นและสิ่งปฎิกูลต่างๆ ตกตะกอนและอัดกันอยู่ใต้ชั้นดินเป็นเวลานาน จึงทำให้ออกซิเจนและระบบน้ำไม่ไหลเวียนบริเวณที่มีเศษตะกอนบีบอัดตัวกัน เวลาผ่านไปจึงทำให้เกิดการเน่าเปื่อยและในที่สุดระบบจะล่มทั้งหมด เหตุเพราะการเน่าเปื่อยและหมักหมมกันในชั้นดำนั้นทำให้เกิดก๊าซไข่เน่า วิธีแก้ไขคือ ในระบบพื้นปลูกของ ADA จะมี Powersand ใช้รองพื้นล่างสุด Powersand ช่วยให้ระบบน้ำและออกซิเจนไหลเวียนได้ดี ช่วยยืดอายุการใช้งานของดิน และยังช่วยป้องกันปัญหาชั้นดำได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะลงดิน ควรลง Powersand ก่อนจะดีที่สุดครับ ตอนนี้ตู้ 20 นิ้วที่ผมเลี้ยงเรดบีเกรด A และ B ไว้เจอปัญหานี้ครับ ช่วงแรกจะเกิดพานาเรีย ทำยังไงก็ไม่หาย จนระบบล่มทั้งหมด จึงได้ทราบถึงปัญหาว่าเกิดจากชั้นดำนี่เอง เพราะตู้นี้ผมไม่ได้รองด้วย Powersand ครับ

Analysis III – FOOD & VITAMINS

1.เลือกอาหารให้น้องกุ้งยังไงดี SELECTED DIET

อาหารสำหรับกุ้งเรดบี ในประเทศไทยยังไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ส่วนมากผลิตภัณฑ์สำหรับเรดบีล้วนแล้วแต่ต้องนำเข้าเองทั้งสิ้น แสลงเรียกว่า “หิ้ว” ผลิตภัณฑที่ได้รับความนิยมได้แก่ อาหารเรดบีของ Shirakura, แบคทีเรียเซ็ทตู้ B4, น้ำยา S1, และ Montmorillinite Stone ซึ่งคุณสมบัติและวิธีใช้มีในบทความนี้เรียบร้อยแล้วครับ นอกจากอาหารสำหรับกุ้งเรดบีโดยเฉพาะแล้ว เรายังสามารถทดแทนด้วยอาหารปลาบางชนิดอีกด้วย ซึ่งที่ผมจะนำเสนอล้วนแล้วแต่มีจำหน่ายในประเทศไทยและคุณภาพทางโภชนาการไม่ด้อยไปเลย อาหารปลาที่ใช้กับเรดบี แน่นอนว่าต้องเป็นชนิดที่จมนำ และไม่สลายในน้ำเร็วเกินไป การให้อาหารควรมีบริเวณเป็นหลักแหล่งเพื่อสร้างนิสัยให้กุ้งออกมากินอาหารที่เดิม อาจมีภาชนะเล็กๆใช้ใส่อาหารกุ้งเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดอีกด้วย ผมได้คัดเลือกอาหารที่ผมทดลองใช้แล้วได้ผลดีและเป็นที่ชื่นชอบของเรดบี โดยจะอธิบายลักษณะอาหาร ข้อดีและข้อเสียของมันไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆต่อไปครับ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการให้อาหารเรดบี เท่าที่ผมได้สังเกตมาคือช่วงเย็นคือ 4 โมงเย็นไปจนถึง 2 ทุ่ม เป็นช่วงที่กุ้งจะออกมากินอาหารเยอะที่สุดกุ้งที่เรารักคงจะเบื่อ ถ้าหากได้กินแต่อาหารสำเร็จรูปติดต่อกัน สำหรับกุ้งเรดบี ควรมีการสลับเปลี่ยนอาหารให้บ้างครับ อาหารสดคืออีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับอาหารสดผมขอเสนอ หนอนแดงแช่แข็งและผักป๋วยเล้งลวก ควรจะให้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งสำหรับผัก และหนอนแดงควรให้นานๆครั้งเช่น 2 -3 อาทิตย์ต่อครั้งเพราะหากให้บ่อยเกินไปจะทำให้กุ้งท้องอึดได้ครับ นอกจากนี้ผมมีวิธีคัดเลือกและเก็บอาหารสดให้นานยิ่งขึ้นด้วยครับ จากการทดลองและเฝ้าสังเกตของผมพบว่ากุ้งจะชื่นชอบผักป๋วยเล้งลวกที่สุด ผลทดลองจากผักทั้งหมด 9 ชนิดคือ ผักป๋วยเล้ง ผักกาดแก้วลวก ผักสลัดลวก ผักคะน้าลวก ผักกวางตุ้งลวด กระหล่ำปลีลวก ดอกกระหล่ำลวก บล๊อคเคอรี่ลวก แครอทแท่งลวก โดยที่กระหล่ำปลีลวก ผักสลัดลวกและดอกกระหล่ำลวก อยู่ในสภาพเดิม กุ้งไม่แตะต้องเลย จึงสรุปเป็นแนวทางไว้ให้เพื่อนๆว่า ถ้าหากหาผักป๋วยเล้งไม่ได้จริงๆ สามารถใช้ใบผักคะน้าอ่อนลวกทดแทนชั่วคราวได้ครับ เนื่องจากป๋วยเล้งมีตามฤดูกาลและหายาก ผมก็มีวิธีที่จะเก็บผักชนิดนี้ไว้ได้นานหลายอาทิตย์อีกเช่นกันซึ่งมีในบทความข้างล่างนี้เรียบร้อยแล้วครับ (ผมต้องขอโทษด้วยเรื่องรูปภาพและข้อมูลของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากไวรัสที่ทำลายข้อมูลและรูปภาพในเครื่องผมจนหมด โชคยังดีที่รูปภาพทั้งหมดยังมีสำรองไว้ในฮาร์ทดิสอีกตัวหนึ่งที่ ก.ท.ม ประมาณต้นเดือนหน้าผมจะนำรูปมาลงแก้ไขให้อย่างละเอียด รวมทั้งราคาของสินค้าด้วยครับ ขอบคุณครับผม)

- Shirakura Minima Breederเป็นอาหารของกุ้งเรดบีโดยเฉพาะของฟาร์มเรดบีชื่อดัง Shirakura ประเทศญี่ปุ่น มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูริน่าและผักขมจึงมีกลิ่นและรสชาติที่เรดบีชื่นชอบ ที่สำคัญมีจำหน่ายในประเทศไทย โดยสามารถสั่งได้จากร้าน Allfish (http://allfish.pantown.com/) สินค้ามีจำนวนจำกัดและมีเป็นครั้งคราว (ควรสั่งจองไว้ล่วงหน้าก่อน) จึงแจ้งมาให้เพื่อนๆทราบครับ ลักษณะอาหารมีสีเขียวเข็มเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าประมาณ 5x10 มม. อาหารจะพองขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อโดนน้ำ เม็ดอาหารเมื่อโดนน้ำแล้วยังเกาะตัวกันได้เป็นอย่างดี ปล่อยทิ้งไว้ได้ 5 – 6 ชม และควรใช้สายยางดูดทิ้งทันที เพราะอาหารจะเริ่มสลายตัวและมีกลิ่นในเช้าวันต่อมา อาหาร 1 แท่งเหมาะสำหรับเลี้ยงเรดบีที่โตเต็มวัยได้ประมาณ 8 - 12 ตัว หากกุ้งมีจำนวนมาก อาจหักแบ่งเป็นสองท่อน เพื่อลดการแย่งอาหารกันของกุ้งได้ และถ้ากุ้งมีจำนวนไม่มาก อาจแบ่งให้กินทีละครึ่งได้ อาหารที่เหลือไม่มากจะได้ไม่ทำให้น้ำเสียครับ

- Hikari Sinking Carnival เป็นอาหารของปลากินเนื้อขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอมของปลา กุ้งและปลาหมึกป่น (แมวที่บ้านชอบแอบกินมาก) เมื่อลองใช้กับเรดบีครั้งแรกก็เป็นที่น่าแปลกใจเพราะผมไม่เคยเห็นกุ้งทั้งตู้ออกมารุมกินอาหารกันแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่า Hikari Sinking Carnival เป็นอาหารของปลาใหญ่ จำพวก แคทฟิชพันธุ์ใหญ่ (Giant Catfish) จึงอุดมไปด้วยสารอาหารจำพวกโปรตีน แคลเซียมจากก้างปลาป่น เปลือกกุ้งและวิตามินต่างๆ ลักษณะอาหารมีสีน้ำตาลแดงอ่อนเป็นเม็ดกลมแบนเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ1 cm. เนื้ออาหารเมื่อโดนน้ำแล้วมีความหนาแน่นน้อยกว่าของ Shirakura แต่เกาะตัวได้ดีไม่แพ้กัน อาหารจะพองตัวอีกเท่าตัวเมื่อโดนน้ำ Hikari Sinking Carnival 1 เม็ดสำหรับกุ้งประมาณ 5 – 10 ตัว ปล่อยทิ้งไว้ได้ 5 – 6 ชม และควรใช้สายยางดูดทิ้ง เพราะอาหารจะเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์และแยกสลายตัวลอยไปทั่วตู้ ทำให้ทำความสะอาดยากครับ

- Hikari Corydoras & Algae Waffleอาหารทั้งสองชนิดมีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบน สีเขียวอ่อนต่างกันที่ขนาด คือ Algae Waffle สำหรับปลาซัคเกอร์จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2cm ส่วน Corydoras สำหรับปลาแพะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1cm ส่วนประกอบของอาหารทั้งสองอย่างนี้ประกอบได้ด้วยสาหร่ายสไปรูลีน่าเป็นหลัก รวมทั้งธัญพืชต่างๆด้วย เนื้ออาหารจะพองออกเท่าตัวเมื่อโดนน้ำ เนื้ออาหารไม่แน่นมาก ความเกาะตัวในชั่วโมงแรกพอใช้ และจะเริ่มสลายตัวในสองชั่วโมง อาหารจะแตกตัวเป็นชิ้นๆ และโดนแรงน้ำพัดไปติดตามซอกต่างๆ ควรมีถ้วยอาหารสำหรับกุ้งที่ลึกซักหน่อยเพื่อป้องกันปัญหานี้ และควรใช้สายยางดูดทิ้งภายใน 3 – 4 ชม เพราะอาหารย่อยสลายค่อนข้างเร็ว ความชอบของกุ้งเรดบีผมให้คะแนนพอใช้ครับ

- Hikari Lionheadอาหารสำหรับปลาทองหัวสิงห์ชนิดจมน้ำ มีสีน้ำตาลอ่อนเป็นท่อนเล็กๆประมาณ 1 มม ผมรู้จักและได้ทดลองใช้ Hikari Lionhead จาก คุณดุ๊กดิ๊ก (นับว่าเป็นเซียนกุ้งแคระและเคลย์ ฟิชคนนึงของไทย) ผลที่ได้คือกุ้งชอบกินและขนาดพอดีสำหรับกุ้ง 1 ตัว ผมขอเรียกว่าอาหารมือถือของกุ้งก็แล้วกันครับ เพราะกุ้งจะอุ้มไปกินตามมุมโปรดตัวละอัน เวลาให้อาหารไม่ควรโปรยที่ผิวน้ำ ควรหยิบลงไปในน้ำและปล่อยลงในบริเวณให้อาหารหรือถ้วยให้อาหาร เพราะแรงน้ำอาจพัดให้อาหารกระจายหล่นไปทั่วตู้ได้ อาหารจะคงรูปไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อจมลงสู้พื้นน้ำอาหารจะทนต่อแรงน้ำพอสมควร แต่ควรใช้กับถ้วยอาหารกุ้งเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดและอาหารจะได้ไม่ปลิวไปติดตามซอกที่ทำความสะอาดยาก ควรใช้สายยางดูดทิ้งเมื่อกุ้งกินเหลือหลังจาก 4 – 6 ชม เหมือนอาหารชนิดอื่นครับ

- Tetra Bitsอาหารสำเร็จรูปแบบจมน้ำที่มีกลิ่นหอมและชวนให้ปลาที่กินอาหารยากทั้งหลาย อาทิเช่น ปลาปอมปาดัวว์และปลาเทวดาป่า ยอมสยบมาแล้ว อาหารมีลักษณะเป็นเม็ดแกลนวลสีแดง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มม. เม็ดอาหารคงรูปพอใช้และจมน้ำช้า จึงควรหยิบและแช่ในน้ำประมาณ 3-4 วินาที และนำไปปล่อยลงบริเวณให้อาหารหรือถ้วยอาหาร เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดและป้องกันอาหารติดตามซอกที่ทำความสะอาดยาก Tetra Bits ขึ้นชื่อในการเร่งสีปลา โดยเฉพาะสีแดง จึงมีผลเช่นเดียวกันกับกุ้งเรดบีครับผม

- Spinach (ผักขม)ตอนเด็กๆหลายคนคงเกลียดผัก แต่มีผักอยู่ชนิดหนึ่งที่เด็กๆหลายคนอยากกิน นั่นคือผักขมเพราะ ป๊อบ-อาย กินผักขมแล้วจะมีพลังสู้ผู้ร้าย (นอกเรื่องอีกแล้วครับ) ในบ้านเราผักขม รู้จักกันดีในชื่อ ผักป๋วยเล้ง เป็นผักที่ขึ้นงามในอากาศเย็น ปลูกมากทางภาคเหนือ ราคาดีกว่าผักชนิดอื่นเกือบเท่า ด้วยกลิ่นเฉพาะตัว จึงเป็นที่ชื่นชอบของกุ้งเรดบี ขึ้นชื่อเป็นเมนูโปรดของเรดบีไปโดยปริยายและไม่มีผักชนิดอื่นมาเทียบเท่าได้ (จากการทดลองของผมที่เกริ่นไว้ สามารถใช้ใบอ่อนของผักคะน้าได้ แต่ผลที่ออกมาสู้ผักป๋วงเล้งไม่ได้ครับ)การเลือกผักป๋วงเล้งเหมือนการเลือกผักทั่วไปทุกชนิด คือ ผักต้องสด ไม่เหี่ยว ไม่ช้ำ ใบไม่เหลือง หากต้องการเก็บผักได้นานขึ้นควรไม่ควรล้างผักหรือนำผักแช่น้ำ นำใส่ถุง เจาะรูเล็กน้อยและแช่ในช่องแช่ผัก สามารถยืดอายุของผักได้อีก 3 – 4วัน เวลาจะใช้ ควรเลือกใบอ่อนที่ติดก้านด้วย ดึงออกมาล้างให้สะอาด และนำมาลวก หากเป็นน้ำเดือดลวกให้ผักพอสลบก็เป็นอันใช้ได้ ถ้าลวกด้วยไมโครเวฟ ต้มน้ำในภาชนะให้ร้อนก่อน 1 นาที จากนั้นใส่ผักป๋วยเล้งที่เลือกไว้ ใช้ความร้อนสูงสุด 1 นาที ทิ้งไว้ให้เย็นและนำมาให้กุ้งได้เลย เวลาให้ผักลวก ใบผักจะปลิวไปมาตามกระแสน้ำ อาจใช้ก้อนหินถ่วงไว้ได้ครับ ทิ้งไว้ในกุ้งกินภายใน 6 - 8 ชม หลังจากนั้นทำความสะอาดนำผักที่เหลือทิ้งและควรทำการเปลื่อนน้ำ 15 – 20 % ทุกครั้งที่มีการให้อาหารสด

- Red Insect (หนอนแดง)หนอนแดงเป็นอาหารสดที่สัตว์น้ำทุกชนิดไม่ปฎิเสธ เช่นเดียวกับเรดบีที่โปรดปรานหนอนแดงเป็นที่สุด หนอนแดงทั่วไปมักจะมีเชื่อโรคปนเปื้อนมาด้วย แม้จะล้างทำความสะอาดแล้วก็ตาม ดังนั้นหนอนแดงแช่แข็งจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหรับเรดบีของเรา หนอนแดงแช่แข็งมีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งแบบผ่านโอโซนและยูวี หรือแบบเพิ่มวิตามินลงไปด้วยก็มีครับ เก็บเอาไว้ได้นาน คงความสด กลิ่นและรสชาติไว้เช่นเดิม หนอนแดงแช่แข็งจะบรรจุในถาดพลาสติกที่แบ่งเป็นช่อง ประมาณ12 ช่อง หนอนแดงแช่แข็ง 1 ช่องมีขนาด 2x2 cm. สามารถใช้เลี้ยงเรดบีได้ 10 – 15 ตัว ก่อนใช้ควรนำมาละลายน้ำก่อนแล้วคีบลงวางในถ้วยอาหารหรือบริเวณให้อาหาร ควรให้หนอนแดงเป็นอาหารเสริม 2 – 3 อาทิตย์ต่อครั้ง และควรทำความสะอาด ดูดเศษหนอนแดงที่เหลือออกภายใน 2 – 3 ชั่วโมงเพราะหนอนแดงจะมีกลิ่นเร็วมากและทำให้น้ำเสีย ควรเปลี่ยนน้ำหลังจากให้หนอนแดง 15 – 20% เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำไว้ครับ

2. รักน้องกุ้งต้องบำรุงกันหน่อย Vitamins & Supply

นอกจากอาหารซึ่งเป็นแหล่งวิตามินหลักของกุ้งแล้ว วิตามินเสริมยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กุ้งมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง กุ้งเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและมีเปลือกหุ้ม ลำตัวเป็นปล้อง เจริญเติบโตด้วยการลอกคราบ เหมือนกับสัตว์ตระกูลปูและกั้ง สารประกอบในเปลือกหรือคราบของสัตว์จำพวกนี้ประกอบไปด้วยสารไคโตซานที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและลดความอ้วนของมนุษย์ สำหรับกุ้งแล้ว สารไคโตซานมีส่วนทำให้คราบในช่วงที่ลอกคราบใหม่ๆแข็งตัวเร็วขึ้นซึ่งได้มีการสกัดสารชนิดนี้มาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเรดบีอีกด้วย นั้นคือน้ำยา S1 นอกจากนี้สารประกอบในน้ำที่ใช้เลี้ยงเรดบีที่เชื่อกันว่าสามารถทำให้สีขาวในเรดบีมีโทนสีที่สดขึ้น นั้นคือสารประกอบจากหินที่มีชื่อว่า Montmorillonite พบมากในแหล่งภูเขาไฟ หรือแหล่งต้นกำเนิดสู่บ่อน้ำแร่ร้อนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนิยมใช้กันในหมู่นักเลี้ยงปลาคาร์พ ชนิดนิยมใช้กับสัตว์น้ำมีอยู่ 2 ชนิด คือ แบบสีขาว (White Stone) และแบบสีเทา (Grey Stone) ซึ่งรายละเอียดมีในบทความเรียบร้อยแล้วครับ

- B4

B4 คือแบคทีเรียที่ช่วยในการเซ็ทตู้ใหม่ เป็นแบคทีเรียที่ทำให้สัตว์น้ำสมบูรณ์เต็มที่และช่วยในการเจริญพันธุ์ B4จากการทดลองใช้กับปลาอโรวาน่าเอเชียที่เพาะพันธุ์ยาก มีผลทำให้ปลาสามารถผสมพันธุ์วางไข่ได้ในตู้เลี้ยงและไข่ปลาที่ได้มีจำนวนมากกว่าและมีเปอเซนต์รอดฟักเป็นตัวมากกว่าปลาที่ไม่ได้ใช้ B4 เช่นเดียวกันเมื่อใช้กับกุ้งเรดบีนอกจากช่วยให้กุ้งมีฟอร์มที่สมบูรณ์แล้ว ยังช่วยให้ไข่กุ้งมีเยอะขึ้นและมีเปอร์เซนในการฟักมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ ลักษณะของผลิตภัณฑ์ B4 จะแยกเป็นสองส่วนคือส่วนแรกจะเป็นผงแบคทีเรียสีน้ำตาลบรรจุในหลอดแก้ว อีกส่วนหนึ่งจะเป็นแร่ธาตุเข้มข้นในรูปแบบน้ำ บรรจุอยู่ในหลอดแก้วเช่นกัน วิธีใช้คือเทผงแบคทีเรียลงในเครื่องกรองและเทน้ำแร่เข้มข้นลงในตู้กุ้งได้เลย เมื่อเดินเครื่องกรองผงแบคทีเรียจะกระจายออกมาให้เห็นในตู้เล็กน้อย ไม่ทำให้น้ำขุ่นและจะตกตะกอนในเวลาอันรวดเร็ว สามารถใช้ได้แม้ว่าจะมีกุ้งอยู่ในตู้แล้วก็ตาม B4 มีสามขนาดให้เลือกคือ 2g – ตู้ 24” ,4g - ตู้ 48” และ 12g ตู้ 60” up แนะนำให้ซื้อขนาดใหญ่ไปเลยครับ เพราะคุ้มทั้งราคาและปริมาณ อีกทั้งเมื่อกุ้งให้ลูกน้อยลงหรือว่าจำนวนไข่ในแต่ละครั้งมีน้อยลง เราสามารถเติมแบคทีเรียชนิดซ้ำได้อีกทุกๆ 6 - 8 เดือนครับMountmorilonite น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งเรดบี เพื่อความสะดวกส่วนมากเราใช้น้ำประปาที่ผ่านการกรองและบำบัดคลอรีนเรียบร้อยแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นกุ้งเรดบีเกรดสูงที่มีค่าตัวหลายแสนเยน ผู้เลี้ยงจึงต้องเพิ่มความเอาใจใส่ในเรื่องน้ำที่ใช้เปลี่ยนอีกด้วย ดังนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่สำหรับกุ้งเรดบีโดยเฉพาะ ในช่วงแรกๆที่ผมเริ่มเลี้ยงเรดบี ผมใช้น้ำแร่เปลี่ยนให้ทุกๆอาทิตย์ และได้สังเกตเห็นในแม๊กกาซีนกุ้งเรดบีทุกฉบับจะต้องมีก้อนสีขาวๆ วางอยู่ในตู้ด้วยทุกครั้ง ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่าก้อนสีขาวๆนั่นคืออะไร มันคือ Montmorillonite หินที่เกิดจากขี้เถ้าภูเขาไฟ (Volcano ash) จากแหล่งน้ำแร่ร้อนของประเทศญี่ปุ่นและสามารถพบได้อีกหลายแหล่งทั่วโลก มีทั้งในรูปแบบผลึก,หิน,โคลนหรือโคลนร้อนเช่น โคลนจากทะเลสาบ Dead Sea ก็เป็น Montmorilonite อีกรูปแบบหนึ่ง หินชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักเป็นแคลเซียมและโซเดียม นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย ซิลิคอน แมกนีเซียม ไฮโดรเจนและ เหล์กอีกด้วย แคลเซียมและสารประกอบต่างๆนี้เองที่จะช่วยในกระบวนการสร้างเปลือกของกุ้ง ช่วยทำให้ส่วนที่เป็นสีขาว มีสีขาวที่สดขึ้น (แต่ไม่ได้เพิ่มความหนาของเม็ดสีแต่อย่างใด) และคุณสมบัติที่น่าทึ่งของ Montmorilonite อีกอย่างคือช่วยดูดซับสารพิษ โดยเฉพาะ โลหะหนัก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทางการแพทย์และเครื่องสำอางค์เลือก Montmorilonite ในการบำบัดรักษาโรคอีกด้วย สำหรับตู้กุ้งเรดบีการใส่หินชนิดนี้ลงไปจึงเป็นการบำบัดคุณภาพน้ำ เพื่อให้ปลอดซึ่งสารพิษและโลหะหนักอีกด้วยหินชนิดนี้แยกได้หลายชนิด แบ่งตามสีซึ่งมีตั้งแต่สีขาว สีเทา สีเหลือง สีเขียวหรือสีชมพู แต่ที่นิยมใช้กับกุ้งเรดบีมีสองแบบคือ แบบสีเทาและแบบสีขาว ผมขออนุญาตเรียกว่า White และ Grey Stone เพื่อความสะดวกครับ หินชนิดนี้มีจำหน่ายในวงการปลาสวยงามประเทศญี่ปุ่นอย่างแพร่หลาย โดยก่อนที่จะมีกุ้งเรดบี หินชนิดนี้ ใช้ในวงการปลาคาร์พเกรดสูงเพื่อสุขภาพที่ดีของปลา,ช่วยในด้านสีสันและช่วยบำบัดสารพิษ โลหะหนักในน้ำ ฟาร์มปลาคาร์พบางฟาร์มนิยมใช้ Montmorilonite แบบผงหรือแบบโคลนโรยที่ก้นบ่อดิน และใช้ Montmorillonite แบบก้อนในบ่อปูนโดยใส่ไว้บริเวณบ่อกรอง สำหรับตู้เรดบีเรานิยมใส่ไว้ในตู้เลย สารประกอบจะค่อยๆละลายออกมาเอง สำหรับชนิดสีขาวจะมีความเปราะแตกง่ายเมื่อโดนน้ำจึงควรหาภาชนะวางอีกทีเพื่อความสวยงาม สำหรับชนิดสีเทาควรนำมาผ่านน้ำก่อน เพราะมีเศษผงติดอยู่จำนวนมาก จำนวนที่ใช้ถ้าเป็นแบบสีขาวก้อนเล็กๆประมาณนิ้วโป้ง ใช้ 10-15 ก้อนสำหรับตู้ 24” และแบบสีเทาปกติจะมีขนาดก้อนเท่ากำปั้นใช้เพียง 1 ก้อนสำหรับตู้ 24” Montmorilonite ในปริมาณที่แนะนำจะไม่มีผลต่อค่า Ph แต่อย่างใด สามารถห้าซื้อได้ตามฟาร์มปลาคาร์พ (เท่าที่ผมเคยเห็นมีจำหน่ายคือฟาร์มปลาคาร์พข้างๆซาฟารีเวิร์ด) หรือลองติดต่อสอบถามที่ร้าน Allfish ติดต่อพี่โอ๋ครับ (http://allfish.pantown.com)

3.อุปกรณ์เสริมสำหรับน้องกุ้ง

- ฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้านี่คืออุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับตู้กุ้งแคระทุกตู้เพราะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลูกกุ้งถูกดูดเข้าไปในเครื่องกรอง ผมกำลังพูดถึงฟองน้ำกั้นท่อน้ำเข้าครับ ปลายท่อน้ำเข้าส่วนที่ดูดน้ำเข้าเครื่องกรองจะมีลักษณะเป็นตระกร้อครอบไว้ นับได้ว่าเป็นส่วนที่อันตรายมากสำหรับลูกกุ้งที่อาจถูกดูดเข้าไปในเครื่องกรองได้ หรือกุ้งที่โตแล้วอาจเดินผ่านบริเวณนั้นแล้วถูกแรงดูด ดูดติดไว้จนเสียชีวิตได้ วิธีป้องกันคือ ใช้ฟองน้ำหรือใยแก้วกรองน้ำตัดให้ได้ขนาดพอดีและนำมาหุ้มไว้บริเวณตระกร้อตรงท่อน้ำเข้า อาจใช้ยางรัดเพื่อให้แน่นขึ้น หรือเพื่อความสวยงามฟองน้ำที่แถมมากับเครื่องกรอง Ehiem มีรูปทรงกระบอกใช้สำหรับครอบตระกร้อท่อน้ำเข้าโดยเฉพาะเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว สามารถแยกซิ้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย Ehiem บรรจุกล่องละ 2 อัน มีทั้งแบบธรรมดาสีเหลืองและแบบเคลือบถ่านคาร์บอนสีดำ แกนกลางจะทะลุผ่านกันทั้งสองข้าง ควรใช้ใยแก้วหรือฟองน้ำอุดทรงปลายไว้อีกครั้งเพื่อความปลอดภัย สามารถใช้ได้หลายครั้ง โดยนำมาล้างทำความสะอาดใหม่ทุกๆอาทิตย์ เวลาถอดล้างทำความสะอาด ให้ปิดวาล์วเครื่องกรอง ถอดปลั๊กเครื่องกรองและชิลเลอร์ให้เรียบร้อย จากนั้นให้ดึงฟองน้ำออกมาพร้อมกับตระกร้ออย่างเบามือเพื่อไม่ให้ฝุ่นคลุ้ง ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมหาอะไรอุดปลายท่อไว้ตอนเอาไปล้างนะครับ เพราะเจ้าเรดบีแสนซนอาจมุดเข้าไปได้ครับ

- สร้างนิสัยการกินให้เรดบี + เรดบีก็มีถ้วยอาหารนะ การให้อาหารเป็นเวลาและจัดสถานที่ไว้สำหรับวางอาหารกุ้งเพื่อสร้างนิสัยให้กุ้งออกมากินอาหารเป็นที่และเป็นเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงเรดบี ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดและทำให้น้องกุ้งของคุณลดความเขินอายออกมาโชว์ตัวรุมกินอาหารเป็นฝูงอีกด้วย การให้อาหารไม่ควรให้ตามใจเรา ควรกำหนดเวลาช่วงเวลาการให้อาหารเพียงวันละ 1 ครั้ง เช่น ให้อาหารเวลา 8:00 – ดูดเศษอาหารทิ้งเวลา12:00 หรือในช่วงเย็นที่กุ้งจะออกมากินอาหารมากเป็นพิเศษ เช่น ให้อาหารเวลา 15:00 – ดูดเศษอาหารทิ้งเวลา 19:00 ทั้งนี้การปิดเปิดไฟควรตั้งเวลา (Timer) ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาอาหารกุ้งด้วยครับเพื่อป้องกันไม่ให้แรงน้ำพัดอาหารกุ้งไปติดตามซอกมุมต่างๆที่ยากต่อการทำความสะอาด ดังนั้นเราควรมีถ้วยอาหารสำหรับน้องกุ้งครับ จะเป็นแก้ว เซรามิก ดินเผาได้หมดครับแล้วแต่ความชอบ แต่ที่สำคัญควรมีความลึกซักนิดนึงครับ อย่างเช่นจานรองแก้งทรงแบน เมื่อถูกกระแสน้ำ อาหารก็หลุดลอยได้เช่นกัน จานรองแก้วทรงลึก ถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวครับ ลองเอาไปใช้ดูนะครับ

- Green Bacterกุ้งกับแบคทีเรีย ทั้งสองสิ่งนี้ต่างเกื้อหนุนกันในระบบนิเวสน์ ระบบแบคทีเรียที่สมบูรณ์ช่วยทำให้กุ้งมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์เพราะการย่อยสลายอินทรีย์และอนินทรีย์สารเป็นไปได้อย่างสมบูณ์แบบ การเปลี่ยนน้ำเล็กๆน้อยในแต่ละครั้ง ไม่มีผลกระทบต่อวงจรของแบคทีเรีย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนน้ำเป็นจำนวนมากหรือมีการล้างเครื่องกรอง การเติมแบคทีเรียเสริมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ADA Green Bacter (แบคทีเรียแบบน้ำ) เป็นแบคที่เรียที่ผมให้ความไว้วางใจและนำมาใช้กับกุ้งเรดบีของผม ช่วงหนึ่งในการเซ็ทตู้จะมีปัญหาตระใคร่ขึ้นเยอะเกินไป ซึ่งการเกิดตระใคร่มากเกินไปก็มีความสัมพันธุ์กับระบบแบคทีเรียเช่นกัน เมือเกิดปัญหาเช่นนี้ ผมจึงใส่ Green Bacter ลงไปทุกอาทิตย์หลังการเปลี่ยนน้ำ ผลปรากฏว่าจำนวนตระใคร่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ตู้ที่มีระบบแบคทีเรียที่สมบูรณ์น้ำจะใสอยู่เสมอครับ และเมื่อแบคทีเรียมีน้อยหรือถูกทำลาย น้ำจะขุ่นหรือไม่ใสเท่าที่ควรจะเป็น Green Bacter ก็ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกันครับ เพื่อนๆอาจทดลองใช้แบคทีเรียยี่ห้ออื่นดูก็ได้ครับ ผมไม่เจาะจงที่ ผลิตภัณฑ์นี้อยางเดียว เพียงแต่ไว้วางใจในคุณภาพครับ

- Bacter Ball แบคทีเรียมีประโยชน์อย่างยิ่งในระบบย่อยอาหารของปลาและกุ้ง ช่วยสร้างภูมิต้านทานและทำให้กุ้งเจริญอาหาร Bacter Ball (แบคทีเรียแบบเม็ด) ใช้ในเดือนที่สองหลังจากเซ็ทตู้ใหม่และใส่ซ้ำทุกๆสองเดือน (สำหรับกุ้งเรดบี) กุ้งจะค่อยๆมาแทะกินเม็ดแบคทีเรีย และ Bacter Ball ยังช่วยบำรุงรากของไม้น้ำ ช่วยเสริมระบบแบคทีเรียในชั้นดินให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียและช่วยเสริมประสิทธิภาพเมื่อใช้คู่กับ Green Bacter ครับ

Analysis II – BREEDING

1. ตัวผู้ ตัวเมีย ดูยังไง ( Male & Female )สำหรับเพื่อนๆที่เคยเลี้ยงกุ้งแคระ เช่น Cherry, Tiger, Green shrimp กันมาแล้วคงไม่ยากที่จะแยกเพศของเรดบีครับ คือตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์หากเปรียบเทียบกับตัวเมียจะรู้สึกว่าผอม เพรียวบางและคล่องตัวกว่า แพนหางจะเล็กกว่าตัวเมียหากนำมาเปรียบเทียบกัน เปลือกบริเวณท้องจะเว้าเข้า หรือ เรียบไปเลย ส่วนตัวเมียลำตัวจะหนากว่าและตัวใหญ่กว่า ดูอ้วนป้อมและบึกบืนกว่า แพนหางและโคนหางจะใหญ่และอ้วนกว่าของตัวผู้เกือบเท่า เปลือกบริเวณท้องจะนูนออกเป็นครึ่งวงกลมอยากเห็นได้ชัด รังไข่กว้างและนูนออกด้านข้าง ทั้งนี้เพื่อเอาไว้เก็บไข่นับสิบของมันนั่นเอง เราจะเริ่มสังเกตเพศของเรดบีได้ง่าย ตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเจริญพันธุ์แล้ว ส่วนกุ้งที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและลูกกุ้งนั้น สังเกตได้ค่อนข้างยาก ผมมีเคล็ดลับเล็กน้อยที่จะช่วยเพื่อนๆ สังเกตเพศของพวกมันได้ง่ายขึ้น และได้ผลถึง 90% (ดูภาพประกอบครับ) ให้สังเกตที่กรีและหัวของกุ้งครับ ถ้ากรีเชิดขึ้นและหัวเรียบไปตามแนวที่กรีเชิดขึ้น แสดงว่าเป็นตัวผู้ครับ ส่วนถ้าหัวอวบอ้วน ดูหนาแน่นและกรีไม่เชิด แสดงว่าเป็นตัวเมียครับ ลองนำลักษณะต่างๆที่ผมเสนอไปมาลองพิจารณาดูนะครับ หรือว่าลองแบบผมครับ ถ้ากุ้งดูตัวเรียวๆ บางๆ นั่นหมายถึงตัวผู้ และถ้าตัวไหนที่เรารู้สึกว่ามัน หนาๆ สั้นๆ นั่นคือตัวเมียครับ (ใช้ได้กับลูกกุ้งเช่นกันครับ)
2. กุ้งสวยๆ ต้องรู้จักพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเรดบีนั้น เท่าที่ผมเกริ่นมา เกิดมาจากหลักการ Inbreed หรือ สายเลือดชิด. แต่หลักการนี้อย่างเดียวไม่ทำให้กุ้งพัฒนาสายพันธุ์ได้สวยเหมือนทุกวันนี้ครับ เพราะฉนั้นการคัดเลือกกุ้งที่มีลักษณะเด่น หรือ ยีนส์เด่น เป็นอีกกุญแจนึงที่ทำให้กุ้งเรดบีก้าวมาถึงขั้นนี้ กุ้งที่ไม่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ สายเลือดจะชิดจนเกินไป สีสันซีดจาง และเกิดสีที่ผิดปกติขึ้น บางตัวอาจเป็นหมันและอายุสั้นครับ เพื่อนๆที่อ่านมาถึงตอนนี้คงกำลังวิตกกับกุ้งของตัวเองอยู่ แต่ทุกปัญหามีวิธีแก้ไขครับ ลูกกุ้งจากแม่กุ้ง 1 ตัว ผมนับเป็น 1st generation ลูกที่เกิดจาก 1st generation ผมนับเป็น 2nd generation ซึ่งกุ้งที่เพื่อนๆเลี้ยงอยู่ตอนนี้สามารถพัฒนาไปเรื่อยๆได้ถึง 5th generation จากนั้น ควรคัดเลือกยีนส์เด่นของกุ้งใน 5th generation มาผสมกับ กุ้งจากแหล่งใหม่ครับ หรือถ้าเราจะพัฒนาสายพันธุ์ให้เร็วยิ่งขึ้น สำหรับกุ้งเกรดเอสขึ้นไป อาจนำมาผสมกับกุ้งที่ Level สูงๆขึ้นไปได้เลยครับ (ลองนำไปใช้กับกุ้งเกรดอื่นได้ไม่ว่ากันครับ). Red Bee นอกจากสีแดงแล้ว ยังมี Black Beeฝาแฟดที่เกิดขึ้นมาพร้อมกันและมีสีสันที่สวยกว่า Bee Shrimp ต้นกำเนิดของมันอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งราคายังเทียบเท่ากับ Red Bee ด้วยครับ เพื่อนๆคงสงสัยว่า แล้ว Black Bee เกิดขึ้นมาได้ยังไง คำตอบคือหลักการผสมสีครับ (ผมได้ทำแผนผังอธิบายไว้แล้วครับ) Red Bee ผสมกับ Red Bee แน่นอนคือลูกที่ได้ออกมาย่อมได้เป็น เรดบี 100% ถ้าเรานำ Blcack Bee ผสมกับ Red Bee ลูกที่ได้ออกมาจะได้ Black และ Red Bee อย่างละ 50% เช่นเดียวกันถ้าเรานำ Black Bee มาผสมกับ Black Bee ลูกที่ได้ก็จะเป็น Black Bee 100% แต่ถ้าเรานำ Black หรือ Red Bee มาผสมกับ Bee ธรรมดานับว่าเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงอย่างยิ่งครับ เพราะลูกที่ได้ออกมาจะเป็น Normal Bee ทั้งหมดครับผม (กุ้งที่เกิดจากการผสมสี อาจได้กุ้งที่มีลักษณะปล้องสีน้ำตาลแดงสลับขาว หรือสี
3. จะได้ลูกทั้งที นาทีทองมีน้อยนิดอย่าเพิ่งแปลกใจว่าทำไมถึงขึ้นหัวข้อแบบนี้ จากที่ผมได้คลุกคลีอยู่กับกุ้งชนิดนี้มาปีเศษแล้ว ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมในการผสมพันธุ์ของมัน ทุกๆวันผมจะนั่งดูกุ้งอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง เย็นวันหนึ่ง ผมมีโอกาสดีที่ได้เห็นเรดบีลอกคราบ มันเร็วมาก เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่กุ้งสลัดคราบหลุดออกมา จากนั้นกุ้งทั้งตู้ก็เริ่มว่ายน้ำไปมาอย่างบ้าคลั่ง มันน่าจะมีอะไรผิดปรกติสักอย่าง ผมจึงรีบเปลี่ยนน้ำ 20%ทันที และฝูงกุ้งก็กลับสู่ความสงบอีกครั้งครั้งที่สองที่ผมเห็นกุ้งลอกคราบก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันอีก คือกุ้งทั้งตู้ว่ายน้ำกันอย่างบ้าคลั่ง กุ้งตัวที่เพิ่งลอกคราบว่ายน้ำหนีสุดชีวิต สาเหตุมาจากกุ้งตัวผู้รุมผสมพันธุ์นั่นเอง เป็นที่น่าสงสัยว่า ผมไม่เคยเห็นกุ้งผสมพันธุ์กันในสภาพปกติเลย ยกเว้นตอนที่ตัวเมียลอกคราบ เมื่อสืบหาข้อมูลจากการเพาะพันธุ์กุ้งกุลาดำพบว่า มีช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่กุ้งจะสามารถผสมพันธุ์กันได้คือช่วงเวลาที่ตัวเมียเพิ่งลอกคราบใหม่ๆ และเปลือกยังนิ่มอยู่ สำหรับกุ้งเรดบี ช่วงเวลานั้นมีเพียงไม่ถึง 1 นาที หลังจากนั้นเปลือกกุ้งจะแข็งตัวเช่นเดิม สำหรับกุ้งที่ขาดสารไคโตซานและแคลเซียมในการสร้างเปลือกใหม่และเร่งให้เปลือกแข็งเร็วยิ่งขึ้น เปลือกกุ้งที่ลอกคราบใหม่จะยังนิ่มและคืนสภาพช้าอาจทำให้กุ้งอ่อนเพลียและตกเป็นอาหารของกุ้งตัวอื่นๆได้ครับ วิธีแก้คือ ใช้น้ำยา S1 และหิน White or Grey stone ซึ่งจะอธิบายไว้ในบทความต่อไปครับ (โปรดติดตาม Analysis IIIครับ)
4.อุปกรณ์พร้อม แต่ทำไมลูกกุ้งยังตายอยู่นี่คือปัญหาน่าปวดหัวที่ทำให้นักเลี้ยงเรดบีมือใหม่ปวดใจกันเป็นแถว ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งครับที่ปวดหัวและสงสัยกับปัญหานี้เช่นกัน ตู้ที่เซ็ทใหม่ประมาณ 1 เดือน หรือว่าไม่กี่อาทิตย์ กุ้งจะสามารถตั้งท้องและผสมพันธุ์ได้ครับ แต่ลูกกุ้งส่วนมากอาจจะไม่รอด ทั้งนี้เป็นเพราะ ระยะเวลาในการเซ็ทตู้ยังไม่เพียงพอครับ ใช้หลักการเดียวกันกับการเซ็ทตู้เลี้ยงปลาทะเล โดยที่ตู้อายุ 1 เดือนสามารถลงปลาการ์ตูน หรือ เดมเซลได้รอด แต่ไม่สามารถลง ปลา Emperor Angel หรือพวกสินสมุทรได้รอดเลย สาเหตุเป็นเพราะแบคทีเรียแต่ละชนิดที่จะเกิดขึ้นได้ ใช้เวลาต่างกัน เช่นเดียวกับอายุของการเซ็ทตู้ จะเลี้ยงปลา Emperor Angel ให้รอดต้องเซ็ทตู้อย่างน้อย 8 เดือนถึง 1 ปี เช่นเดียวกันกับลูกกุ้งเรดบี ระยะเวลาการเซ็ทตู้ 3 เดือนขึ้นไปจึงจะเป็นระยะที่แบคทีเรียต่างๆ เซ็ทตัวเข้าที่แล้ว การย่อยสยายอินทรีย์สารต่างๆเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ และวัฎจักรของก๊าซต่างๆดำเนินไปได้อย่างเติมรูปแบบ ในเวลานั้นลูกกุ้งของคุณจะดำรงชีวิตและเจริญเติบโตได้ครับผม ซึ่งในเวลานั้นกุ้งของคุณอาจเป็นครอกที่ 4 ในกรณีของผมช่วงที่เริ่มเลี้ยงเรดบีใหม่ๆ ลูกครอกที่ 1 และ 2 ค่อยๆทยอยตายภายใน 1 อาทิตย์ แต่ลูกครอกที่สาม (ในเดือนที่ 3) กลับทยอยโตวันโตคืน และลูกครอกต่อไปก็รอดติดต่อกัน ผมเซ็ทจู้ใหม่ครั้งที่สอง ผลสรุปเป็นเช่นเดิมคือ ลูกกุ้งในสามเดือนแรก รอดน้อยมากและแม่กุ้งก็มีไข่น้อยไปด้วย ในช่วงเดือนที่ 4 ถัดมา แม่กุ้งมีไข่เยอะมากจนเกือบล้น ผมเริ่มสังเกตเห็นลูกกุ้งมีเยอะขึ้นและพวกมันทั้งหมดรอดมาจนถึงทุกวันนี้จึงขอสรุปได้ว่า ระยะเวลาในการเซ็ทตู้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยให้ลูกกุ้งรอดชีวิตครับผมน้ำตาลสลับขาวได้ ในการผสมพันธุ์ Black Bee + Black Bee อาจได้ Blue Bee ที่มีปล้องสีน้ำเงินอมดำสลับขาวได้เช่นกันครับ) ข้อสำคัญในการผสมสีหรือพัฒนาสายพันธุ์จะต้องแน่นอนในเรื่องของเกรด ทั้งนี้อาจคัดกุ้งตัวที่สวยที่สุดในแต่ละครอกเพื่อนำมาพัฒนาสายพันธุ์ต่อไปครับ

Red Bee Analysis I

การเลี้ยง RED BEE ให้มีสุขภาพดีเพื่ออวดความสวยงามได้เต็มที่นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ในกรณีของผม เริ่มตั้งแต่เลี้ยงเจ้ากุ้งชนิดนี้ โดยมีความรู้ ความเข้าใจเป็นศูนย์ ในช่วงแรกๆ แต่เพราะความหลงไหลและทุ่มเทในตัว RED BEE จึงทำให้ผมลุกขึ้นใหม่ทุกครั้ง. RED BEE ที่ได้มา 5 ตัวแรกในชีวิต จากโลกไปด้วยความด้อยประสพการ์ณเพียงสองวัน เป็นที่แปลกใจอย่างยิ่ง ว่าทำไมกุ้งชนิดอื่นในตู้เดียวกันยังมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี สภาพน้ำก็ดีเยี่ยม แล้วทำไม เจ้าเรดบี มันถึงได้ตายหมดINTERNET เป็นความรู้อันดับแรกๆของผมเพื่อที่เลี้ยงกุ้งชนิดนี้ให้รอด ผมไม่รอช้าที่จะปฎิบัติตามไปทีละขั้น อย่างช้าๆ เริ่งจากเปลี่ยนไปใช้ดิน ADA Amazonia รองพื้นตู้กุ้ง นับได้ว่าเป็นดินภูเขาไฟที่ดีจริงๆครับ มันช่วยลด PH และ KH ได้เป็นที่น่าพอใจมากๆ และยังมีแบบ POWDER TYPE สำหรับ REDBEE โดยเฉพาะ ดินตัวนี้นอกจากเหมาะแก่การเลี้ยงกุ้งเรดบีแล้ว ยังเหมาะแก่การปลูกต้นไม้ในตู้เรดบีอีกด้วย (โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไรเพิ่มอีกเลย) ผมปลูกกลอสโซและเพิร์ดวีดจิ๋วในตู้กุ้งที่ขาดปัจจัยทั้งปุ๋ย และ Co2 เป็นที่น่าประหลาดใจว่าทำไมพืชทั้งสองที่ว่ากันนักว่าจะขาดปุ๋ยและ Co2 ไม่ได้เลย แต่มันกลับขึ้นได้สวยงามในตู้เรดบีของผม ถึงแม้จะเลื้อยช้า หรือ ไม่สวยงามเท่าตู้ที่มีปัจจัยครบก็ตาม ซึ่งคำตอบคือดินตัวนี้แหละครับChiller เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญทีเดียวในการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อุณภูมิตู้อาจสูงถึง 30 C โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนของเดือนเมษายนแล้วอุณหภูมิอาจสูง 32 c' ได้เลยครับ เครื่องปรับอากาศสามารถช่วยลดอุณภูมิได้ในช่วงนึงเท่านั้น และส่วนมากเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน มักจะปิดเครื่องปรับอากาศเสมอ คำถามสุดฮิตคือ เรดบี สามารถดำรงชีวิตในอุณหภูมิที่สูงกว่า 27 องศาได้หรือไม่ ผมตอบได้เลยครับ ว่าได้แน่นอน แต่การเจริญเติบโต สีสัน อายุขัยและการเจริญพันธุ์จะด้อยลงตามสภาพแวดล้อมที่เราจัดให้พวกเค้าอยู่ครับอุณภูมิช่วงที่ดีที่สุดสำหรับเรดบีคือ 23-25 c' หักลบไม่เกินไปกว่านี้ ซึ่งอุปกรณ์ที่สามารถคงระดับของอุณภูมิไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ ชิลเลอร์ครับ ส่วนพัดลมนั้นสามารถลดอุณหภูมิได้ 1-2 องศาเท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามันสามารถลดอณภูมิตู้คุณได้มากที่สุดเพียง 27-28 องศาเท่านั้น จากประสพการ์ณของผม กุ้งเกรดธรรมดาสามารถดำรงชีวิตได้ในอุณภูมิเช่นนี้ แต่ความสมบูรณ์เมื่อกุ้งต้องการเจริญพันธุ์นั้นนับได้ว่า มีความสมบูรณ์น้อยมาก จะเห็นได้ชัดว่ากุ้งไม่เจริญอาหารและชอบแอบซ่อนตัว ยิ่งถ้าเป็นกุ้งเกรดสูงๆขึ้นไป คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเป็นแน่แท้ กุ้งในอุณภูมิ 27 องศาขึ้นไป สามารถท้อง และไข่สามารถฟักเป็นตัวได้ครับ แต่อัตตราการรอดนั้น มีเพียง 5-10% เท่านั้น ลูกกุ้งส่วนมากที่ฟักออกมาได้ โดยมากจะตายหรือหายสาบสูญไปในอาทิตย์แรก แตกต่างกับตู้ที่มีการติดชิลเลอร์ แม่กุ้งจะแข็งแรง และสังเกตได้ชัดว่ามีไข่เยอะมาก อัตรการฟัก มีถึง 70-80% ลูกกุ้งเจริญอาหารและเติบโตได้รวดเร็ว และนี่คือข้อดีของชิลเลอร์ในการเลี้ยง เรดบี ซึ่งนับได้ว่าสมควรมีอย่างยิ่งถ้าใจรักที่จะเลี้ยงพวกเค้าครับชิลเลอร์มีหลายแบรนด์ หลายขนาด หลายราคาให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับขนาดของตู้และงบประมาณครับ ชิลเลอร์จากประเทศจีนเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวและคุณสมบัติใช้ได้ไม่แพ้ของยุโรปเลย ทั้งยังมีราคาถูกกว่าครึ่งแต่ส่วนที่ด้อยนั้น อยู่ที่วัสดุที่ใช้จะด้อยกว่าของยุโรปครับ ส่วนชิลเลอร์ของยุโรปที่มีราคาสูงนั้น เป็นเพราะวัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องที่ แข็งแรง ทนทานและมีคุณภาพดี จึงนับได้ว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดีทีเดียวหากคุณมีงบประมาณเพียงพอครับหลักในการเลือกชิลเลอร์นั้นมีอยู่ว่า1.งบประมาณ2.ปริมาณน้ำในตู้และขนาดของชิลเลอร์ : ควรเลือกชิลเลอร์ที่รองรับปริมาณน้ำในตู้คุณเป็นสองเท่า เพราะว่าถ้าคุณเลือกรุ่นที่ปริมาณเท่ากับน้ำในตู้แล้ว มันจะทำงานตลอดเวลาครับ แต่ถ้าเลือกรุ่นที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ตัวเครื่องจะทำงานน้อยลงครับ ช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดไฟได้ดีทีเดียวครับ3.เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อชิลเลอร์ได้แล้ว ควรเช็คข้อบกพร่องให้ดี ชิลเลอร์ที่ดีนั้น เมื่อเครื่องทำงานจะเงียบ ไม่มีเสียงน่ารำคาญใดๆทั้งสิ้น ถ้าชิลเลอร์ของคุณมีเสียงผิดปกติควรนำไปเปลี่ยนตัวใหม่ทันทีและอย่าลืมเจรจากับร้านค้า เมื่อมีปัญหาจะได้นำเครื่องมาเปลี่ยนตัวใหม่ได้อย่างราบรื่นครับคุณภาพน้ำเป็นปัจจัยหลักของการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งชนิดนี้ต้องปราศจากตลอรีน ค่า Ph และ Kh เป็นหน้าที่ของดินภูเขาไฟที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นครับ ดินตัวนี้จะลดค่า Ph และ Kh ได้ดีทีเดียวครับ ในเวลาเปลี่ยนน้ำใหม่ Ph และ Kh จะสูงขึ้น แต่เพียงแค่ไม่กี่นาที มันจะปรับไปตามเดิมครับน้ำประปาหรือน้ำที่เราใช้เปลี่ยนน้ำในตู้กุ้งนั้น ควรพักให้คลอรีนระเหยอย่างน้อย 1 วัน เพราะกุ้งชนิดนี้ไวต่อสารเคมีต่างๆเป็นอย่างมาก (ระวังเรื่องการฉีดยาฆ่าแมลงด้วยครับ) และแน่นอนว่าแร่ธาตุในน้ำประปานั้นต้องไม่เพียงพอต่อความต้องการของกุ้งเป็นแน่แท้ นักเลี้ยงกุ้งเรดบีบางท่านใช้น้ำแร่ส่วนนึงในการเปลี่ยนน้ำในแต่ละครั้ง ข้อดีของน้ำแร่คือมีแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะแคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยในการสร้างเปลือกที่แข็งแรงให้กุ้งในการลอกคราบแต่ละครั้ง ในประเทศญี่ปุ่นมีการผลิตน้ำแร่เพื่อใช้เลี้ยงกุ้งชนิดนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว นับได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับกุ้งเกรดสูงและทำให้เราสบายใจขึ้นได้ในอีกระดับนึงเลยทีเดียวการชดเชยแร่ธาตุที่ไม่มีในน้ำประปานั้น ทำได้ง่ายมากครับ น้ำยา S1 (ข้อมูลเพิ่มเติมที่ Equibmentation) คือสารไคโตซานบริสุทธิ์ ที่ช่วยในการลอกคราบ,การสร้างเปลือกใหม่ให้แก่กุ้งและทำให้กุ้งมีสีสันที่เด่นชัดขึ้นด้วยครับ นอกจากนี้ อาหารคือแหล่งแร่ธาตุหลักของกุ้งเลยทีเดียว ผักขมหรือปวยเล้งลวกเป็นอาหารเสริมชั้นเลิศสำหรับเรดบีครับ เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก อาหารสำเร็จรูปสำหรับเรดบี เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามากนัก หรือจะใช้เป็นอาหารหลักก็ได้ครับ เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ส่วนแคลเซี่ยมนั้น สามารถชดเชยได้จาก Gray Stone และ white stone รายละเอียดสามารถอ่านได้จากบทความใน Red Bee Equibmentation ครับผมการเปลี่ยนน้ำตู้กุ้งเรดบีนั้น หากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนน้ำอย่างน้อย 15-20% ทุกๆ 5-7วัน และการดูดเศษอาหารที่กุ้งกินไม่หมดนั้น ควรทำต่อเนื่องเป็นกิจวัตรทุกๆวัน พร้อมทั้งเปลี่ยนน้ำ 5-10% พร้อมกับเศษอาหารที่ดูดออกมาทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันการเกิดพานาเรียที่จะมากับเศษอาหารที่เหลือทิ้งและช่วยให้คุณภาพน้ำดีเยี่ยมอยู่ตลอดเวลาครับวัสดุกรองเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามครับ เพราะหากวัสดุกรองมีคุณภาพดีแล้ว การกำจัดของเสีย เช่น แอมโมเนีย ไนเตรท ก็จะมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้วัสดุกรองบางชนิดยังช่วยดูดซับสารพิษ กลิ่น สีและแร่ธาตุส่วนเกินได้อีกด้วยวัสดุกรองที่นิยมใช้ในหมู่นักเลี้ยงกุ้งเรดบีคือ POWER HOUSE ceramic ring ซึ่งมีสองแบบให้เลือกใช้คือแบบลด Ph(ใช้กับเรดบี) และเพิ่ม Ph สำหรับปลาทะเล,เลคแทง etc .ใส่กรองตัวนี้มีรูพรุนมาก ออกแบบมาเพื่อให้น้ำไหลวียนได้ดีและเป็นที่อยูของแบคทีเรียจำนวนมาก ทั้งยังช่วยลด Ph ได้เป็นอย่างดี แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น Ehiem Substrate Pro จึงเป็นอีกทางเลือกนึงที่ได้ผลดีไม่แพ้กัน และยังราคาถูกกว่ากันหลายเท่าอีกด้วยBamboo Charcoal หรือ Ehiem Carbon เป็นวัสดุกรองที่ต้องมีอย่างยิ่ง เพราะมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัด แอมโมเนีย ไนไตร ไนเตรท ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยดูดซับแร่ธาตุ (ปุ๋ย) ที่มีมากเกินไปในน้ำ เพื่อช่วยลดปัญหาตระใคร่ได้อีกทาง สีจากไม้และกลิ่นคาวต่างๆก็จะหมดไปเพราะวัสดุกรองสองชนิดนี้ครับสรุปข้อมูลโดยสังเขปของปัจจัยในการเลี้ยงเรดบีครับ- ค่า P.H ควรอยู่ในระดับ 6.2 - 7.2 หากเกินกว่านี้จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จากประสพการณ์ของผม ผมใส่อ๊อกซิเจนและปะการังลงไปในตู้เรดบี ด้วยหวังดีว่าจะช่วยเพิ่มอ๊อกซิเจนและแคลเซียมในน้ำ ผมออกไปเรียนในตอนเช้าและกลับบ้านมาในช่วงบ่าย สังเกตที่ตู้เรดบี ปรากฎว่ามันว่ายน้ำกันอย่างร่าเริงผิดปกติและตัวของมันแอ่นจนน่ากลัวมากๆ วัด Ph ดูอยู่ที่ 9.5 ดังนั้นจึงต้องระวังอย่างมากในการใส่อ๊อกซิเจนและห้ามใช้วัสดุกรองเป็นปะการังเป็นอันขาด หากว่าต้องการเพิ่มอ๊อกซิเจนจริงๆ ผมแนะนำให้ใช้ เรซิ่นร่วมด้วย เรซิ่นมีลักษณะคล้ายทราย กรวด บรรจุอยู่ในถุงตาข่าย ใช้แช่ลงในตู้เลี้ยงได้เลยครับ และควรใช้ร่วมกับ อ๊อกซิเจนเพราะค่า Ph จะลงเร็วมากๆ ควรตรวจเช็คค่าน้ำอย่างสม่ำเสมอและเมื่อค่าน้ำลดลงไปเกินกว่า 6.2 ควรรีบนำถุงเรซิ่นออกทันที- อุณหภูมิจากที่กล่าวมาข้างต้น 23-25 C'เป็นช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุดครับ- ควรเปลี่ยนน้ำ 1 ใน 3 ส่วนทุกๆ 5 หรือ 7 วัน เพื่อคุณภาพของน้ำที่ดีตลอดครับ- วงจรชีวิตของ เรดบีนั้น เหมือนกับกุ้งแคระห์ต่างๆครับ คือ 1 ปีกว่าๆ มีบันทึกไว้ว่าเรดบีบางตัวที่ถูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีนั้น มีอายุถึง 1 ปี กับ 8 เดือน บางท่านที่อ่านได้ถึงตอนนี้ อาจเสียกำลังใจและเลิกล้มความคิดที่จะเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ เพราะราคาที่ค่อนข้างสูงและอายุที่นับได้ว่าสั้นมากๆ แต่ทว่าในวงจรชีวิต 1 ปีกว่าๆนี้ แม่เรดบี 1 ตัว สามารถให้ลูกได้กว่า 6 ครั้ง ครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 10 ตัว หากสภาพแวดล้อมดีแล้วจะส่งผลให้ความสมบูรณ์ของกุ้งดีตามไปด้วย พวกมันจะสามารถให้ลูกได้ถึง 20 ตัว ในทุกๆเดือน แม่กุ้งเรด บี ใช้เวลาอุ้มท้องประมาณ 1 เดือน ลองคำนวนดูว่าถ้าขั้นต่ำสุดแม่กุ้ง ให้ผลผลิตลูกกุ้งได้เดือนละ 10 ตัวเป็นเวลา 6 เดือน คุณจะได้ลูกกุ้งถึง 60 ตัว และเมื่อลูกกุ้งมีอายุ 6 เดือนขึ้นไปก็สามารถเจริญพันธุ์ได้ต่อไปครับ

กุ้งเครที่มีขายในบ้านเราคับ

กุ้งบลูล็อบเตอร์

กุ้งแอพพลิคอต Cherax holthuisi

กุ้งม้าลาย Cherax zebra


Cherax sp. Tricolor


กุ้งโอเชียนบลู หรือ บลูมูน Cherax sp. "blue moon"



กุ้งนิวเรด Cherax sp. redbrick



กุ้งบลูเพิล Cherax destructor



กุ้งบลูสปอต Procambarus clarkii blue



กุ้งแดง Procambarus clarkii



กุ้งไบรท์ออเรนจ์ Procambarus clarkii orange



กุ้งสโนว์ Procambarus clarkii white



กุ้งมาเบิล (เกิดจากการผสมข้ามสีของสาย P สีต่างๆมีสีสรรที่หลากหลาย)



Cherax sp. Orange Tip



Cherax Pressii. Black jet



กุ้งอิเรียนจายา หรือ Cherax Hoa Creed


ปล.ว่างๆจะมาลงรูปต่อให้ครับ

คำถามที่ถามกันบ่อยเกี่ยวกับกุ้งเครฟิช

1.กุ้งเครเลี้ยงรวมได้ไหม มีตู้ขนาด.....ได้ไหม
- เลี้ยงตัวเดียวดีที่สุด นอกจากจะให้ผสมกัน และต้องแยกเวลาจะลอกคราบ ไม่งั้น เสียหาย เสียใจ
2.กุ้งเคร เลี้ยงรวมกับปลาได้ไหม และปลาอะไรบ้าง
-เลี้ยงรวมกับปลาไม่ได้ เพราะว่ากุ้งเครมันกินเนื้อ มันล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ถ้าได้ก็คงไม่สงบ และไม่นานก็มีการเสียใจ
3.เลี้ยงสาย P กับสาย c. รวมกันได้ไหม
-ไปอ่านข้อ1.
4. ถ้าจะผสมข้ามสายได้ไหม
-ไม่ได้ เพราะ อวัยวะเพศมันคนละแบบ (ถ้าใครทำได้บอกด้วย)
5.ให้กุ้งกินอะไรดีครับ
-ให้กุ้งกิน อาหารเม็ด ปลาแห้ง หนอนแดง ปลาตายแล้ว กุ้งชิ้น ผักต่างๆ และอื่น ที่หาในตู้เย็นได้
6.กุ้งหายไปไหน
-ปิดตู้ดีๆก็ไม่หาย ถ้าหายก็ไปหาในห้องน้ำ ใต้ตู้เสื้อผ้า ที่มืดๆชื้นๆอะ ในท้องแมว ถ้าหาไม่เจอ ไปสวน(jj)เลยเจอแน่ๆ
7.โรคตู้งอกรักษายัง
-โรคนี้รักษายาก ไม่หายขาด
8.กุ้งมันผสมกันแล้ว กี่วันจะเห็นไข่อะครับ
-ไม่ทุกทีที่จะมีไข่อะ แต่ถ้ามีไข่ก็ไม่น่าจะเกินเดือนนะ
9.กุ้งตายคาคราบเลยเกิดจากอะไรอะครับ
-เกิดจากสะสมอะหารไม่พอ หรือไม่ก็ไปเร่งให้ลอกคราบอะ หรือไม่ก็น้ำเสีย
10. ตุ้ขนาดไหนพอต่อการเลี้ยงเครอะครับ
-24นิ้วขึ้นไปครับ
10.1.แล้วแกจะมาตั้งหัวข้อใหม่ทำไหม
-เพื่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จะหาอ่านในนี้ได้ในหัวข้อเดียวจบ เพราะบ้างท่านไม่เข้าไปอ่านใน หัวข้อเก่าๆอะ
11.เร่งสีเครยังไง
-ให้อาหารที่มีส่วนผสมของสารเร่งสีตามธรรมชาติครับ เช่นอาหารที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูลิน่า หรืออาหารสดที่มีความเข้มข้นของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์สูง
-ให้โดนแดดบ้าง
-ใช้หินรองพื้นเข้มๆก็มีส่วนช่วยเร่งสีกุ้งได้ครับ
12.การกั้นตู้
-กระจก ฟิวเจอร์บอร์ด แผ่นกั้นตู้ ฯลฯ ใช้ตัวยึดแผ่นกั้นยึดทั้ง2ข้าง ลดระดับน้ำลง ให้มากกว่าขนาดความยาวกุ้ง
13.ผสมได้เมื่อไหร่
-เมื่อกุ้งพร้อม แล้วพร้อมเมื่อไหร่หล่ะ ไปหาขนาดโตเต็มวัยของกุ้งมาอ่าน ค่าน้ำและปัจจัยอย่างอื่นด้วย
-สายpนี่ราว 2.5 นิ้วขึ้นไป
14.กุ้งผสมแล้วทำไงต่อ
-ใจเย็นๆไม่ต้องโวยวาย ขอแสดงความยินดีด้วย ที่เหลือก็รอ รอ รอ แล้วก็รอว่าติดไข่มั้ย
15.การดูแลพื้นฐานสำหรับกุ้งที่มีไข่
-ถ้าเลี้ยงรวมแยกตัวอื่นออก ไม่ก็กั้นตู้ซะ แล้วก็ไม่ต้องไปให้กำลังใจมันบ่อยๆ (อย่าไปส่องมันมาก กุ้งก็เครียดเป็น ) อาหารให้เท่าที่แม่กุ้งกินหมด ลดปริมาณอาหารจากปกติลงประมาณครึ่งนึงของที่แม่กุ้งเคยกินหมด ถ้ากินไม่หมดใน 1-2ชมดูดออก แล้วปรับลดปริมาณลงอีก น้ำถ้าไม่เน่าไม่ต้องเปลี่ยน ถ้ามีชุดวัดคุณภาพน้ำก็ดี ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำให้เปลี่ยนครั้งละ 10-20%พอ
16.เลี้ยงปลาอะไรคู่กับน้องเครดี เอาแบบไม่ตบตีกันนะ
-สงสัยต้องไปหาจากดาวดวงอื่นครับ ดาวดวงนี้ยังหาไม่พบ
17. กุ้งเครก้ามหาย หนวดหลุด ขาขาด มันจะงอกได้ไหมครับ
-ได้ ถ้ามันยังมีหัวอยู่ และยังไม่ตาย ส่วนลูกตา ผมว่าไม่ได้
18.กุ้ง ก. x กุ้ง ข. ลูกจะออกมาเป็นสีอะไร
-ถ้าเป็นกุ้ง สีเหมือนกัน นี่ส่วนมากสีลูกกุ้งจะเหมือนหรือคล้ายพ่อ แม่ อาจมีส่วนน้อยที่สีอื่น(อาจเพราะยีนจากรุ่นปู่ ย่า ตา ทวด อากง อาม่า ฯลฯหรือผ่าเหล่า)เปรียบเทียบกับคนไทยแต่งกับคนไทย ลูกก็ย่อมหน้าตาเหมือนคนไทย อาจมีหน้าเหมือนลาวได้ในบางคน แต่คงไม่มีหลุดมาเป็นหน้าฝรั่งจ๋ามาแบบผมสีทองตาสีฟ้า(ยกเว้นผ่าเหล่า และผมก็ไม่รู้ด้วยว่ามันผ่าเหล่าแบบไหนมา )
-ถ้าคนละสี ลูกบางส่วนจะเหมือนพ่อแม่ ที่เหลือวัดดวงเอาเอง
19.ผมจะเอากุ้ง ก. มาx กับกุ้ง ข. จะได้ลูกมั้ย
-เอาเป็นว่าขั้นแรกต้องรู้ก่อนว่ากุ้งคุณอยู่ใน Genus ไหน Species ไหน โดยดูจากชื่อวิทยาศาสตร์(ชื่อบ้านๆที่ใช้ในไทยไม่ได้ )โดยชื่อตัวแรกจะเป็น Genus ตัวหลังจะเป็น Species เช่น ไบร์ท มีชื่อวิทย์ว่า Procambarus clarkii (Procambarus=Genus,clarkii=Species ) สัตว์จะผสมกันแล้วได้ลูกเมื่ออยู่ใน Genus เดียวกัน หรือพูดง่ายๆว่าชื่อตัวแรกเหมือนกันครับ
20.อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กุ้งตาย
อันดับ 1 คนเลี้ยงที่ไม่มีความรู้ครับ ฟันธง (คนที่ไม่ยอมอ่านกระทู้เก่า อาจจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้ครับ)
อันดับ 2 คนเลี้ยงที่ไม่มีเวลาดูแล
อันดับ 3-4-5-.... โรค อายุขัย กรรมพันธุ์ ตีกัน...และสุดท้ายคือความซวยครับ(ถ้ามาฉีดยุงกันตอนไม่อยู่บ้าน และไม่แจ้งล่วงหน้านี่รอดยาก
21. กุ้งสายC.กับสายP. ผสมกันได้ไหม
-ไม่ได้ อยากทำก็ทำเอง ได้ลูกบอกด้วยละกัน
22. น้องกุ้งทำไมไม่ค่อยกินอาหารเลย กินก็กินน้อยอยากทราบว่าเป็นอะไร
ตอบ= น้องกุ้งอาจจะใกล้ลอกคราบอยู่ก็เป็นได้ หรืออาจจะเบื่ออาหาร ลองให้สลับๆกันไป
23. ต้องเสริมแคลเซี่ยมให้กุ้งไหม
ตอบ= ควรและควรอย่างยิ่งครับ เพราะแคลเซี่ยมเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งในชีวิตกุ้งเลย 80เปอร์เซน ของกุ้งต้องการแคลเซี่ยม
24.แคลเซี่ยมหาได้ที่ไหน
ตอบ=ตามร้านขายอุปกรณ์นก(กระดองปลาหมึก)ร้านขายของหนูแฮมเตอร์ กระต่าย (ก้อนแคลเซี่ยม บางร้าน 5 บาท บางร้าน 10 บาท)หรือแล้วแต่จะหาได้ ง่ายๆ เปลือกไข่ไก่ เปลือกหอย นางรม ทุบๆหน่อย ถ้าใครชอบกินปูทะเลก็เอากระดองทุบๆบดๆใส่ลงไปด้วยก็ได้ครับนึกไม่ออกแล้ว อิอิ
25.อากาศร้อนแล้ว มีผลต่อกุ้งไหมครับ
-คนยังร้อนเลย มีผลกับกุ้งแน่นอน แต่สื่อสารกันไม่ได้ หาพัดลมติดไปก็ดีกว่านะ
26. เอา....ให้กุ้งกินดีเปล่าครับ
- ถ้าไม่เป็นพิษก็ให้กินไปเหอะครับ ถ้าเค้าไม่ชอบเค้าก็คายออกมาเอง
27. ให้อาหารเม็ดอย่างเดียวพอมั้ย
- ไม่พอครับ ควรให้เวียนๆกันไป อาหารสดบ้าง เม็ดบ้าง อาหารเม็ดมีตั้งหลายยี่ห้อให้วนๆกันไปก็ได้
28. เครตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เลี้ยงแล้วตายเอาๆ ตายยกตู้ ต่อยอด ข้อ 20.
ลองนึกทบทวนการเลี้ยงดีดี เช่น
*เครไม่ได้พักน้ำมา
*ได้มาไม่แข็งแรงอยู่แล้ว - ศึกษาวิธีซื้อในเว็ปแห่งนี้ให้มั่นใจก่อนไปตลาดจริง , หาร้านที่เชื่อถือได้ หรือมีการรับประกันเคลมให้ถ้าตาย
*เลี้ยงรวมแล้วเครียด - ควรเลี้ยงแยก 1 : 1 มีที่กั้น กันการปีนหนี
*โดนแย่งกิน
*อาจจะมีปลา กุ้งฝอย รบกวน หรือสัตว์เลี้ยงในบ้านอื่นๆรบกวน
*เปิดไฟ 24ช.ม.*น้ำร้อน*อุณหภูมิห้องเลี้ยงแกว่งขึ้นๆลงๆ อาการช็อค
*กรองล่ม น้ำเน่าเสียทั้งๆที่ยังใส อาหารเหลือเยอะ
*ใช้น้ำประปาคลอลีนสูง น้ำบาดาลกระด้างมาก
*โดนสารเคมีปนเปื้อนติดที่มือตอนเอามือจุ่มน้ำ ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง ยาฉีดฆ่ายุง สีสเปรย์ น้ำหอมปรับอากาศ
*ใส่เกลือผิดประเภท
*ใส่น้ำยาที่ไม่จำเป็น ใส่น้ำยาหรือวิตามินสารพัดหลอกเด็ก
*คาร์บอน หินภูเขาไฟหมดอายุ คายของเสีย
*ติดเชื้อจากอาหาร ของสด ของแช่แข็ง ล้างแล้วแช่ด่างทับทิมก่อน
-ศึกษาโรคเกี่ยวกับเครไว้บ้าง สลัดก้าม สนิม จะได้รักษาทัน
-หมั่นเช็คคุณภาพแหล่งน้ำ คุณภาพอากาศ
-น้ำที่ใช้ควรผ่านเครื่องกรองหรือพักน้ำ สัก 3 วัน
-เช็คสารเคมีในน้ำโดยชุดทดสอบ
-ทำความสะอาดกรองบ่อยๆ รักษาความสะอาดบนพื้นกรวด
29. กุ้งผมหายตัวไปครับ แงๆ ทำไงดี
- ไม่อยากให้หายก็ปิดให้มิดชิดสิครับ
30. วิธีเลือกซื้อกุ้งเคร เลี้ยงเครตัวแรกศึกษาสีความต้องการน้ำเย็น,น้ำปกติ วัดอุณหภูมิน้ำในตู้ที่บ้านให้ชัวร์
ศึกษาเรื่องสาย C. P.วิธีดูแล อาหารการกิน จากแหล่งข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อตั้งตู้รันน้ำก่อนซื้อเคร ไม่ใช่ซื้อมาวันเดียวกัน ( ถ้าแน่นอนใจว่าเลี้ยงเป็นจริงๆซื้อมาพร้อมกันเองก็ได้ )ศึกษาแล้วแยกตัวผู้ ตัวมีย เองให้เป็นพยายามอย่าไปถามร้าน เพราะบางทีอาจเป็นพม่าขายตอบมั่วๆเลือกให้เรามั่วๆเช็คราคาจากเว็ปนี้ไปหน่อยก็ดี
-- วิธีเลือก ---
ดูรูปร่างให้ครบ ตา(สำคัญ) หนวด ก้าม ขา ตรวจโรคมีสนิมแถมรึเปล่า? ตรวจสุขภาพลองเล่นดูสู้มือมั้ย?
- เลือกหลายๆร้าน ร้านสะอาดน่าเข้าหน่อย เอาที่ไว้ใจได้คุยกับคนขายแล้ว ถามคำถามเหล่านี้เพื่อไปใช้ในการตัดสินใจ หรือเลือกร้านที่เลี้ยงเองขายเองดูมีความรู้+แนะนำเราได้บ้าง
1.เครพักน้ำหรือไม่ได้พัก ... ซื้อแบบที่ไม่ได้พักน้ำไปโอกาสตายสูงถ้าท่านพักน้ำเองไม่เป็น
2.ทางร้านให้อะไรกินอยู่ ... เผื่อจะได้ให้อาหารแบบที่ร้านให้ก่อน ไม่ใช่โยนแต่อาหารเม็ดสำเร็จแล้วมาโพสว่าทำไมเครไม่ยอมกิน
3.เครครอสสายมารึเปล่า? แท้มั้ย? ถ้าเลี้ยงเองขายเองให้ขอดูตัวพ่อ-แม่ ... ถ้าไม่แน่ใจแล้วซื้อ คุณอาจได้สโนว์สีออกฟ้าๆ ไบร์ทสีออกซีดๆ บลูสีออกเรนโบว์เลี้ยงไปก้ามก็ไม่แดง สโนว์สีออกเหลืองๆตุ่นๆ 4.ใช้น้ำอะไรเลี้ยงอยู่
- ซื้อจากทางเว็ป ไม่ได้ไปเลือกเองหาร้านหรือท่านที่ไว้ใจได้
- เดินเลือกซื้อเอง ใจเย็นๆค่อยๆเลือก ราคาต่างกันมีหลายสาเหตุ ดูที่สี ที่ก้าม ที่รูปร่าง ดูที่มา ฯลฯ ไม่ต้องรีบร้อนมิเช่นนั้นซื้อแล้วกลับมาบ่น ร้านนั้นไม่ดีร้านนี้ไม่ดี
แล้วอย่าเอาราคาแต่ล่ะร้านมาเปรียบเทียบ ให้เอาคุณภาพเครแต่ล่ะตัวมาเปรียบเทียบ !!! ... จากนั้นพอใจ 100% ค่อยซื้อ !!! ตัวสวยๆก็แยกโชว์ตู้หรูๆแพงหน่อย ตัวธรรมดาก็รวมๆกันอยู่ในกะบะราคาเดียว ( สัจธรรมการขายของ ) ซื้อแล้วคำนวณเวลากลับบ้านด้วย หรือเวลาจัดส่ง , เลี้ยงตัวแรกอย่าลืมซื้ออาหาร
เครจะโตมาสวย สีสด รูปร่างดี ก้ามใหญ่ อันดับแรกคือสายพันธุ์แท้ ไม่แท้ ดูหลักๆที่ พ่อ-แม่ ปู่ย่า ตายายรองลงมาต่อให้เลี้ยงดี วิตามินดี อาหารดี ตู้ดี กรองดี แต่ ที่มาไม่ดี ครอสมา เลี้ยงไปก็ไม่มีวันสวย สีหมอง ซีด ไม่สด เปลี่ยนสี มีสีแอบ
31. กรองถังเสียงน้ำดัง
1 ในวิธีแก้แบบบ้านๆ --- ต่อท่องอ PVC + ต่อท่อยาวให้ปล่อยน้ำใกล้ผิวน้ำมากที่สุด ระยะห่างสัก 5 ซ.ม.ครับ
32. เราใส่อะไรบ้างในกรอง ?
เครดิต เว็ปพี่ต้น RoF
http://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board6&topic=21&action=view...ส่วนตัวผมขอนะครับ " เลิกได้เลิกงดได้งด การใช้ปะการัง " เพื่อสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศของเรา
33. ซื้อตู้ใบแรกอะไรที่จำเป็น และ อะไรที่ควรซื้อถ้างบเหลือ
- แนะนำให้ ตั้งตู้ ,รันน้ำให้เรียบร้อยก่อนซื้อเคร อย่างน้อยสัก 1 - 2 วัน
- ตู้ มุมเหลี่ยม มุมโค้ง กระจกหนา บาง สูง เตี้ย , ถัง , ลัง ถ้าจะซื้อห้องหรือบ้านพักมีบริเวณที่วางตู้เยอะแนะนำ 24 นิ้วขึ้นไป ( อ่านลักษณะตู้ที่ควรเลี้ยง " เคร " ในห้องสมุดก่อน )
- ขาตู้ ฝาตู้+ไฟ อันนี้แล้วแต่เลยครับงบเยอะๆก็ซื้อกันไป.
- กั้นแยก เลี้ยงหลายตัวซื้อกั้นกลางไปแยกเถอะ
- กรอง แล้วแต่งบประมาณ ความสวยงาม ความคุ้มค่า การดูแลรักษา ( ศึกษากรอง ข้อดี-ข้อเสีย ของกรองแต่ล่ะชนิดก่อน )
- วัสดุในกรอง ใยแก้ว , สับสเตท , คาร์บอน
- กรวดรองพื้น แล้วแต่ชอบเลยครับ อย่าไปเลือกหินกรวดพ่นสีเพราะสารเคมีอาจละลายน้ำมีผลต่อเคร ... แนะนำนิลดำเพื่อเร่งการขับสี
- อ็อกซิเจน ถ้ากรองดีปล่อยน้ำแล้วมีฟองก็ไม่ต้อง เงินเหลือซื้อไปเลยเคร1ตัวต่อหัวทราย1หัว
- บ้าน เครื่องปั้นดินเผา ขอนไม้ ท่อPVC หิน อุโมงค์
- อาหารดีดี วิตามินน้ำ ถ่านไม่ไผ่ แร่ฯ อาหารเสริม
- ไฟส่องส่วาง โคม ไฟใต้น้ำ แล้วแต่ชอบเลยครับ
- ปรอทวัดอุณหภูมิ
- พัดลม (อุณหภูมิตู้มากกว่า 28องศา ถ้าไม่อยากทำเองก็ซื้อเอา)
- กล่องแยกอนุบาลปลา กรณีเลี้ยงรวม เผื่อเครจะลอกคราบจะได้มีที่แยกเพื่อความปลอดภัย
- เกลือ สำหรับคนเติมเป็น
- อุปกรณ์เช็คคุณภาพน้ำต่างๆ
- EM , ยารักษาโรค เผื่อรักษาเคร
- สาหร่าย พืชน้ำ เอาไว้ให้เครแทะเล่น
- ปลาใจดีต่างๆ เช่น สอด หางนกยูง บอลลลูน ใส่เพื่อเป็นอาหาร กินลูกน้ำ ให้เครไล่ล่าออกกำลังกาย
- จานใส่อาหารเคร ท่อส่งอาหารเคร
- กระชอนตักปลา
34. เมื่อเครไม่กินอาหารอาจเกิดจากหลายสาเหตุนะครับ
- กำลังจะลอกคราบ
- เพิ่งซื้อมา ไม่ชินอาหารใหม่
- เครียด ไม่มีบ้าน ที่อยู่คับแคบ แสงสว่าง คุณภาพน้ำ สารเคมี
- เลี้ยงรวม โดนรังแก , รบกวน , มีสมาชิกเครใหม่ลงตู้ด้วย
- ป่วย
35. ทำไมกุ้งผมไม่ลอกคราบตั้งหลายเดือนแล้วครับ???
ตอบ - เพราะเขายังสะสมสารอาหารที่จำเป็นต่อการลอกคราบไม่พอ และถ้าไปเร่งให้เขาลอกคราบก็จะเกิดอันตรายต่อกุ้งด้วยและกุ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ยิ่งใช้เวลาในการลอกคราบนานขึ้น อาจจะครึ่งปีครั้ง หรือปีละครั้ง....
36. อาหารสำเร็จรูป
-NoyoCrabs
-TetraCrusta
-Sera Crabs natural
-SuperCrustaNorisb
-TetraBits
-TatraWaferMix
-Kanshou
37. การใส่เกลือ
น้ำ ... อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงCrayfish คือช่วง 23-28องศาเซลเซียล ค่าPHที่เหมาะสมคือประมาณ PH7.5 - 10.5ที่มีความกระด้างสูง ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้ นอกจากนี้เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ผู้เลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆแต่ทีละน้อยๆ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิฉับพลัน น้ำที่ใช้ควรจะสะอาดและปราศจากคลอรีนด้วยคำเตือน !!! ... ไม่ใส่เลยจะดีที่สุดเลี้ยงแบบธรรมชาติ ผู้เลี้ยงปกติไม่มีใครเค้าใส่ลงไปกัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ( ใส่ไม่เป็นเสี่ยงตายไม่รู้ด้วย ^^ )
...
เกลือที่ว่านี้ คือ " ดีเกลือฝรั่ง "
ดีเกลือฝรั่ง มีสูตรทางเคมีว่า MgSO4.7H2O ดีเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม หรือเรียกว่า "แมกนีเซียมซัลเฟต" เรียกเป็นภาษาสามัญแบบฝรั่งว่า Epsom salts มีลักษณะเป็นผงผลึกหรือเกล็ดขาว คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ มีรสขมฝาด ไม่ได้เค็มเหมือนเกลือได้มาจากการนำน้ำทะเลมาเคี่ยวจนแห้ง เหลือเป็นเกลือสะตุ แต่ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศอยู่ ดังนั้น เมื่อวางดีเกลือทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง จะทำให้จับตัวแข็งเป็นก้อน สำหรับปลาดีเกลือจะช่วยในการ ขับถ่ายของปลา และขับน้ำที่ค้างอยู่ในช่องท้อง ตลอดเจนในช่องว่างของตัวปลาที่มีการบวมน้ำ ใช้รักษา อาการอาหารไม่ย่อย ตัวบวมน้ำ เกล็ดพอง เสียการทรงตัว และช่วยเพิ่มแร่ธาตุให้กับน้ำ ทำให้ปลาสดชื่น แข็งแรง ลดความเครียดได้
สำหรับเครใช้เพื่อเพิ่มปริมาณแมกนีเซียม ช่วยกุ้งสร้างเปลือกใหม่ ในช่วงลอกคราบ
-- ดีเกลือ " ไม่ได้ช่วยฆ่าเชื้อโรค " ---
หาซื้อได้ตาม ร้านขายสัตว์น้ำ , ร้านอุปกรณ์เลี้ยงปลา , ร้านขายยาแผนโบราณ แบบซอง ซองล่ะ 5 บาท , ร้านเบเกอรี่ , ร้านขายสารเคมีมั่วไป
วิธีใช้ ชั่งตวงตามอัตราส่วน เทใส่กระชอนตักปลาแล้วปล่อยให้ละลาย เพราะ เกลืออาจสกปรก ใส่แล้วอย่าลืมตรวจค่า PH ว่ายังอยู่ในช่วงที่กำหนดหรือไม่ ?
...
ไม่มีใครฟันธงว่าต้องใส่ปริมาณแค่ไหน ... ส่วนตัวที่เลี้ยงมาใส่เมื่อเปลี่ยนน้ำ 100% ... อัตราส่วน 2 ช้อนชา / ตู้ 24*20 นิ้ว (ไปปรึกษาอัตราส่วนกับหมอสัตว์ในเว็ปนายเก๋านานมาแล้วครับในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลยนำมาลองเอง)